พอนึกถึงแปรงสีฟันแล้ว เรามักจะตั้งคำถามอยู่บ่อยๆ ว่าจะเลือกแปรงอย่างไรดี เอาแบบด้ามตรง ด้ามงอ หรือขนแปรงนิ่ม อ่อนแข็งขนาดไหน? แปรงสีฟันเป็นของจำเป็นที่ใช้ทุกวันในการขจัดคราบอาหาร สิ่งสกปรกที่ติดตามตัวฟัน เพื่อป้องกันฟันผุและเหงือกอักเสบ
อีกมุมมองหนึ่ง คุณทราบไหมว่า แปรงสีฟันเป็นที่กักเก็บเชื้อโรคได้อย่างดียิ่ง!!
ปัจจุบัน นี้มีการวิจัยพบว่าแปรงสีฟันเป็นที่อาศัยของเชื้อโรคที่อาจทำให้เกิดการติด เชื้อได้ทั้งในช่องปากและไปสู่ส่วนต่างๆ ของร่างกาย ปกติแล้วในช่องปากเป็นที่สะสมของแบคทีเรียหลายร้อยชนิด การที่เชื้อจากคนหนึ่งจะไปสู่อีกคนหนึ่ง แปรงสีฟันก็เป็นสาเหตุได้เช่นกัน เป็นบ้านอย่างดีของแบคทีเรีย เมื่อ...
- แปรงสีฟันสัมผัสกับน้ำลาย
- ถูกเลือดโดยเฉพาะคนที่เป็นโรคเหงือกอักเสบ
ทราบกันดีอยู่ว่ามีหลายโรคที่แพร่กระจายทางน้ำลายและเลือด เช่น ไวรัสตับอักเสบ HIV เมื่อ เป็นเช่นนี้ ก็มีการศึกษาว่าจะทำอย่างไร ที่จะลดเชื้อแบคทีเรียไม่ให้มาสะสมที่แปรงสีฟัน สมาคมทันตแพทย์แห่งสหรัฐอเมริกาเขาแนะนำว่าการดูแลรักษาแปรงสีฟันอย่างนี้ ครับ
- อย่าใช้แปรงสีฟันร่วมกัน เพราะการใช้แปรงร่วมกัน โอกาสสัมผัสกับน้ำลาย เลือด ของอีกคนได้ง่ายมากๆ เสี่ยงต่อการติดเชื้อโดยตรงเลยครับ
- ล้างขนแปรงด้วยน้ำก๊อก หลังจากแปรงฟันเสร็จ เพื่อเอายาสีฟันที่ค้างและสิ่งสกปรกออก แล้ววางให้ตั้งตรง ให้ขนแปรงถูกอากาศพัดให้แห้ง หากมีแปรงหลายอัน ก็อย่าให้ขนแปรงมาชนกันหรือสัมผัสกันเพื่อป้องกันการปนเปื้อน
- อย่าเก็บแปรงในกล่องปิด เพราะแบคทีเรียจะเจิรญเติบโตได้ดีในที่ชื้นๆ แต่ถ้าขนแปรงถูกอากาศ ก็จะไม่เปียก แบคทีเรียไม่ชอบ จึงควรวางให้แห้งด้วยอากาศดีกว่า
- ควรเปลี่ยนแปรงสีฟันทุกๆ 3-4 เดือน อย่าใช้แปรงจนขนแปรงบานนะครับ เพราะประสิทธิภาพในการขจัดเอาเศษอาหารจะลดลง แถมยังอาจทำร้ายเหงือกมากขึ้นด้วย อย่าเสียดายเลย ต้องเปลี่ยนแปรงตามระยะ อย่างไรเสียค่าทำฟันก็แพงกว่าค่าแปรงสีฟันมากครับ
แปรงให้ถูกวิธี จัดเก็บแปรงให้ถูกต้อง สุขภาพฟันของคุณจะสมบูรณ์และมีฟันให้เคี้ยวอาหารนานๆ ♦
ที่มา: เฮลล์ทูเดย์