จากการประกาศผลรางวัล คนค้นคนอวอร์ดครั้งที่ 2 ในช่วงปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา สามสหายพิการจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เจ้าของรางวัลคนเล็กหัวใจใหญ่ ได้สร้างความประทับใจและเป็นที่พูดถึงจากผู้ชมเป็นจำนวนมาก ถึงความพยายามในการต่อสู้กับอุปสรรคทางร่างกายและความน่ารักของมิตรภาพความ เป็นเพื่อนที่คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สด เยล จอย เด็กพิการจากต่างจังหวัดที่ต้องมาอยู่ร่วมกันในโรงเรียนศรีสังวาลเชียงใหม่ ซึ่งเป็นโรงเรียนสำหรับเด็กพิการ ด้วยเหตุผลเดียวกันคือเพื่อต้องการศึกษาหาความรู้ต่อเมื่อเรียนจบม.3 ที่นี่มีการสอนอาชีพที่คนพิการสามารถทำได้ซึ่งก็มีเพียงไม่กี่อย่าง พร้อมทั้งพัฒนาร่างกายและฟื้นฟูจิตใจของคนพิการไปด้วย น้องเยล สุริยา แสงแก้วฝั้น เด็กพิการจากโรคกล้ามเนื้อเกร็งจากจังหวัดเชียงราย ครอบครัวมีอาชีพรับจ้างรายวัน พ่อแม่มีลูกสองคน เยลเป็นลูกคนเล็ก และเป็นเด็กที่มีความพยายามสูงมากในการที่จะพัฒนาตัวเองให้อยู่ร่วมกับผู้คน ในสังคมที่มีร่างกายปกติให้ได้โดยไม่เป็นภาระ ด้วยความมุ่งมั่นและพยายามจากเด็กที่เคยลุกเดินเองไม่ได้ แต่ไม่ยอมแพ้ต่อสภาพความพิการ เยลพยายามหัดเดินโดยการเกาะรั้วไม้ไผ่ไปรอบๆ บริเวณบ้าน โดยมีพ่อแม่คอยให้กำลังใจ ไม่ว่าจะหกล้มเป็นร้อยพันครั้งจนผู้เป็นแม่เสียน้ำตาครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะสงสารลูกจนสุดทน ต้องขอร้องให้ลูกเลิกพยายาม แต่เยลกลับคิดว่าเขาเกิดมาพิการก็ทำให้พ่อแม่ทุกข์ใจพอแล้ว แค่เขาจะพยายามลุกขึ้นยืนเองทำไมจะทำไม่ได้ แล้ววันหนึ่งคำว่าความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่นั่นก็ยังเป็นความจริง อยู่วันยังค่ำ สุดท้ายเยลก็สามารถเดินเองได้แม้ต้องใช้วอคเกอร์เป็นตัวช่วย ทางด้านพ่อแม่ของเยลเองก็ไม่เคยคิดดูถูกศักยภาพของลูกว่าพิการ แต่จะคอยสนับสนุนให้ลูกได้เรียนหนังสือสูงๆ แม้ว่าฐานะทางบ้านจะหาเช้ากินค่ำก็ตาม เมื่อเยลเรียนจบม. 3 จึงส่งลูกมาอยู่ที่โรงเรียนศรีสังวาลย์จังหวัดเชียงใหม่ และเรียนต่อวิทยาลัยสารพัดช่างจนจบปวช.3 ด้านคอมพิวเตอร์ ส่วน น้องจอย วาสนา เผ่าปัญญา พิการด้วยโรคทางพันธุ์กรรมเมทาลิกจากจังหวัดเชียงราย น้องจอยมีน้องชายหนึ่งคน ซึ่งก็เป็นโรคนี้ด้วย ตอนเด็กๆ ร่างกายก็มีการพัฒนาเติบโตเหมือนกับเด็กทั่วไป แต่พออายุได้ประมาณ 5 ขวบร่างกายก็หยุดเติบโต เมื่อเรียนจบ ม. 3 ก็เข้ามาอยู่ทีโรงเรียนศรีสังวาลย์เชียงใหม่และเรียนต่อระดับ ปวช.3 จากวิทยาลัยสารพัดช่างเชียงใหม่พร้อมกับเยลและสด ด้านครอบครัวของน้องจอยเองก็ลำบาก พ่อแม่มีอาชีพทำนาและรับจ้าง รายได้แทบจะไม่พอกินพอใช้ในครอบครัว แต่ทั้งสองก็คอยให้กำลังลูกๆ และสอนให้ลูกคิดและมองโลกในแง่ดี อย่าเอาความบกพร่องทางร่างกายตัวเองมาเป็นปมด้อย ดังนั้นน้องจอยจึงเป็นเด็กที่ร่าเริงแจ่มใสเสมอ และมีความฝันที่จะเรียนให้จบปริญญาตรีด้านบัญชี เพราะคิดว่าอาชีพนี้ตัวเองสามารถทำได้ด้วยเพราะข้อจำกัดด้านร่างกายที่ไม่ แข็งแรงเหมือนคนอื่น เพราะนอกจากตัวเล็กเท่าเด็ก 5 ขวบแล้ว ยังมีโรคประจำตัวอย่างลิ้นหัวใจรั่วและสายตาที่สั้นมากกว่าคนปกติอีกด้วย และคนสุดท้ายคือ น้องสด คมกริช เทพา จากจังหวัดลำปาง ซึ่งพิการด้วยโรคกล้ามเนื้อเกร็งแบบเดียวกับเยลแต่มีความรุนแรงน้อยกว่า ในสามคนนี้ สดเป็นเด็กที่พอจะมีฐานะทางบ้านดีกว่าคนอื่น เพราะ พี่ชายพี่สาวต่างก็มีหน้าที่การงานที่มั่นคง จึงสามารถจุนเจือเรื่องค่าใช้จ่ายให้ได้ไม่ขัดสน สดสามารถเดินและทำกิจกรรมต่างๆ ได้ดีกว่าเยลมาก และเป็นเด็กที่มีความมั่นใจในตัวเอง เพราะได้มีโอกาสเข้าชมรมเพื่อนผู้พิการและทำกิจกรรมกับสังคมภายนอก ในชมรมมีคนคอยแนะนำให้คำปรึกษา สดจึงเป็นเด็กที่กล้าคิดกล้าทำและไม่รู้สึกอายเมื่อต้องออกมาจากโรงเรียนที่ มีแต่คนพิการสู่สังคมคนร่างกายปกติ จากโรงเรียนศรีสังวาลนี่เองที่ทำให้เด็กๆ ทั้งสามคนได้มีโอกาสมาอยู่ร่วมกันจนกลายเป็นเพื่อนรักเพื่อนเกลอ คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แต่สดก็ได้ย้ายออกมาอยู่ในโลกของคนปกติก่อนเพื่อนๆ อีกสองคน ด้วยเหตุผลที่ต้องการเรียนรู้ประสบการณ์การใช้ชีวิตในโลกนอกรั้วโรงเรียนคน พิการ เพื่อพิสูจน์ตัวเองว่าสามารถช่วยเหลือตัวเองได้และอยู่ร่วมกับคนร่างกายปกติ ในสังคมได้ ในขณะเดียวกันทางมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ก็มีโครงการพิเศษสำหรับเด็กพิการโดยมี โควตาให้เข้าเรียนโดยการสอบสัมภาษณ์ ซึ่งมีเด็กพิการจากทั่วประเทศสมัครเข้าคัดเลือก ในหนึ่งนั้นก็มี สด เยล จอย รวมอยู่ด้วย และผ่านการคัดเลือกมาทั้งหมด 9 คน โดยเยลเลือกเรียนคณะนิติศาสตร์เพราะชอบด้านกฏหมายและคิดว่าจะพยายามต่อสู้ เรื่องสิทธิคนพิการให้รับความเท่าเทียมกับคนปกติและต้องการเป็นปากเป็นเสียง ให้กับคนพิการด้วยกันที่ยังขาดโอกาสในสังคมอยู่มาก ส่วนจอยก็เลือกเรียนบัญชีตามความต้องการและสดเข้าเรียนคณะวิทยาลัยศิลปะ สื่อ ฯ และด้วยประสบการณ์ชีวิตของสดที่มีมากว่าเพื่อนอีกสองคน เขาจึงเป็นชักชวนเยลและจอยให้ออกมาทดลองใช้ชีวิตนอกรั้วโรงเรียนที่มี ทุกอย่างพร้อมทั้งเครื่องมืออุปกรณ์ที่ถูกสร้างไว้สำหรับคนพิการโดยเฉพาะ หรือแม้กระทั่งกลุ่มคนที่มีความขาดพร่องทางร่างกายเหมือนๆกัน แต่เยลและจอยยังไม่เคยอยู่ลำพังจึงไม่กล้าและกลัวโลกที่ต้องออกไปเผชิญ สดจึงพยายามทำให้เพื่อนๆ ดูว่าถึงเขาจะพิการแต่ก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคนอื่นๆ ได้ในสังคมได้ สุดท้ายทั้งสามคนก็ออกมาเช่าห้องพักอยู่ด้วยกัน โดยมีสดคอยเป็นพี่เลี้ยง เมื่อต้องออกมาเผชิญกับชีวิตจริงในสังคม ทั้งสามคนก็พบว่าพวกเขาก็สามารถอยู่ร่วมกับผู้คนในสังคมได้โดยไม่เป็นภาระ เพียงแค่กล้าที่จะก้าวข้ามความกลัวและต้องมีความพยายามไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค ทั้งทางร่างกาย “เราก้าวเข้ามาสู่รั้วมหาวิทยาลัย มันก็ต้องเจออุปสรรคอีกหลาย ๆ อย่างในการใช้ชีวิตประจำวัน ในการเรียน ผมคิดว่าจุดนี้มันเป็นจุดที่พิสูจน์ความสามารถของเรา ว่าเราจะสามารถทำมันได้ไหม จะผ่านจุดนี้ไปได้อย่างไรต้องมีจิตใจเข้มแข็งและมีความหวัง มันเป็นเครื่องพิสูจน์ต่อไปว่าวันข้างหน้าเราจะใช้ชีวิตอย่างไร ในรั้วมหาลัย ในสังคมใหม่ ๆ สังคมที่มีความแตกต่างกันทางร่างกายและจิตใจ เราจะก้าวไปให้เขาได้รู้ว่า เราก็ทำได้เหมือนเขา ให้เขายอมรับเรา เพียงเขาให้โอกาสเราอยู่ในสังคมเหมือนคนปกติก็พอ พวกเราจะสามารถอยู่ร่วมกับผู้คนในสังคมได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่ว่าสังคมให้ โอกาสพวกผมเท่าไหร่ มันอยู่ที่คนในสังคมด้วย ว่าเขาจะให้โอกาสและยอมรับพวกเราให้อยู่ร่วมกันเขา แค่ไหนและไม่คิดว่าพวกผมเป็นภาระของสังคม ไม่คิดว่าพวกผมเป็นอุปสรรคหรือเป็นส่วนเกินของสังคม มันอยู่ที่การยอมรับและตัดสินใจของสังคม ที่จะหยิบยื่นโอกาสให้มากแค่ไหน ผมหวังว่าถ้าสังคมทำตรงนี้ได้ ผมพร้อมที่จะอยู่ในสังคมอย่างมีสิทธิเท่าเทียมกันและใช้ชีวิตเหมือนคนปกติ อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขได้” “และการที่ผมมาถึงจุดนี้ได้ มันไม่ใช่เป็นการพิสูจน์ตัวเองเท่านั้น แต่มันเป็นเครื่องพิสูจน์ให้คนที่ยังมีสภาพร่างกายที่คล้ายกับผมหรือใครที่ ท้อใจได้มีกำลังใจขึ้นมา ผมเชื่อว่าคนพิการอย่างพวกเราทำได้ถ้ามีความพยายามจริง และสามารถอยู่ในสังคมอย่างมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน ผมอยากเป็นตัวอย่างให้คนเหล่านั้น พยายามลุกขึ้นสู้ทำให้ชีวิตที่สดใส ให้มีอนาคตที่ดี อย่ายึดติดกับคำว่าพิการแล้วยอมแพ้” ติดตามเรื่องราวของสามสหายร่างกายพิการแต่หัวใจไม่พิการที่ไม่เคยมีคำว่า ยอมแพ้ หรือทำไม่ได้จนกว่าได้พยายามทำ พวกเขาไม่ยอมให้อุปสรรคทางร่างกายมาเป็นอุปสรรคในชีวิต รวมทั้งมิตรภาพความรักที่หาได้ยากในสังคมปัจจุบันนี้ได้ ในรายการคนค้นฅนวันอังคารที่ 11 มกราคม 2554 เวลา 22.15 น. ♦