“ หนังมันเหมือนลูก เราต้องเลี้ยงดูมันอย่างดีที่สุด หนังทุกเรื่องไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ก็คือลูกที่เราต้อง เลี้ยงดูเหมือนกัน” นั่นคือ สิ่งที่ หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล หรือ ท่านมุ้ย รู้สึกกับหนังของท่าน
ท่านมุ้ย ได้ชื่อว่า เป็นผู้กำกับแห่งยุค เป็นศิลปินแห่งชาติ เป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้กำกับรุ่นใหม่ รุ่นแล้วรุ่นเล่า ได้รับการยกย่องให้เป็นตำนานเหนือตำนานของวงการหนังไทย แต่ไม่ว่าใครจะเชิดชูยกย่อง อย่างไร ท่านก็เรียกตัวเองว่า “ ชั้นเป็นแค่คนทำหนัง”
แต่กระนั้นก็ไม่อาจปฏิเสธ ได้ว่า ตลอด 40 กว่า ปี นับตั้งแต่เริ่มต้นเป็นคนทำหนัง หนังของท่านมุ้ย ได้ถากทางให้กับหนังไทยยุคใหม่ เป็นผู้ทำให้ประวัติศาสตร์ของวงการหนังไทยเปลี่ยนผ่าน ด้วยการยกระดับคุณค่าของหนัง จากสื่อที่ทำหน้าที่เพียงเพื่อความบันเทิงในยุคนั้น มาทำให้หนังกลายเป็นเครื่องมือที่ใช้เพื่อการสะท้อนปัญหาและความจริงในสังคม
เป็นผู้กำกับคนแรก ๆ ของเมืองไทย ที่แหกกรอบหนัง ในยุคเดียวกัน ด้วยการใช้หนังเป็นปากเสียง ให้กับคนเล็กคนน้อย คนชายขอบ เรื่องราวของชาวบ้านร้านตลาด สามัญชน ไปจนกระทั่งถึงโสเภณีในโรงแรมม่านรูด ได้ออกมาโลดแล่นอยู่บนจอเงิน ผ่านมุมมองของผู้กำกับ ที่มีฐานันดรศักดิ์เป็นหม่อมเจ้า
“ เจ้าก็คือ คน ชั้นก็เป็นแค่คน ที่หยิบเรื่องของคนที่น่าสนใจ เรื่องราวที่น่าสนใจมาเล่า “
เขาชื่อกานต์ คือ หนังเมื่อเกือบ 40 ปี ก่อน ที่กล้าสะท้อนความไม่เป็นธรรมในระบบราชการ อย่างที่ไม่มีผู้กำกับคนไหนในยุคนั้นกล้าทำ เรื่องราวของโสเภณี ใน เทพธิดาโรงแรม ที่สะท้อนถึงภาพรวมความยากจนข้นแค้นของสังคมชาวนาไทย ที่ทำให้ลูกสาวชาวนาของเสียสละศักดิ์ศรีและเรือนกายเพื่อแลกกับเงินที่จะ เลี้ยงครอบครัว และอีกมากมายหลายเรื่อง ที่ล้วนสะท้อนสังคม ปัญหาสิ่งแวดล้อม ความไม่เป็นธรรมในสังคม ซึ่งเป็นหนัง ในแบบฉบับของท่านมุ้ย อุกาฟ้าเหลือง คนเลี้ยงช้าง มือปืนสาละวิน ปัญหาของวัยรุ่นในสังคมเมืองใหญ่ อย่างเรื่อง เสียดาย ซึ่งทำทั้งเงินทั้งกล่อง
และหนังที่ได้รับการยกย่อง ว่า เป็นหนังดีที่สุดตลอดกาลของท่านมุ้ย คือ เรื่องราวของคนขับแท็กซี่อีสาน ที่ ชื่อ ทองพูน โคกโพ
ตำนานสมเด็จพระศรีสุริโยไท และ ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช คือ ภาพยนตร์ยิ่งใหญ่ระดับ ตำนาน ที่สร้างประวัติศาสตร์ให้กับวงการหนังไทยอีกครั้งหนึ่ง แต่ สำหรับผู้กำกับในวัยใกล้เจ็ดสิบ อย่าง ท่านมุ้ย ไม่ว่าหนังฟอร์มเล็ก หรือ ฟอร์มใหญ่ ลงทุนมาก หรือลงทุนน้อย ท่านก็ทุ่มเทให้ใจ เพื่อให้หนัง ออกมาดีที่สุด เช่นเดียวกัน จดจ่อหัวใจ ความคิด ความรัก อยู่กับหนัง จนขึ้นชื่อลือชา ว่า เป็นผู้กำกับที่ทำงานหนักที่สุด เป็นคนทำหนัง ที่ต้องรู้เรื่องที่ทำ ให้ลึก ให้จริง และให้เข้าถึงที่สุด ทุกกระบวนการ และทุกขั้นตอนของหนัง ตั้งแต่ทำข้อมูล เขียนบท กำกับ ตัดต่อ เรียกว่า ในยุคเริ่มต้นทำหนัง เมื่อวัยหนุ่มที่ผ่านมา กว่าสี่สิบปีก่อน เคยทำอย่างไร ณ ตอนนี้ ก็ยังคงทำอย่างนั้น อย่างเสมอต้นเสมอปลาย คงเส้นคง
คนค้นฅน เกาะติดชีวิต ของผู้กำกับระดับตำนาน ที่กิน อยู่ ทำงาน ครุ่นคิด และให้เวลาอยู่กับการงานมากกว่าสิ่งอื่นใดในแต่ละวัน เพื่อจะค้นให้พบคำตอบ ว่า กว่าจะได้รับการยกย่องให้เป็นมืออาชีพ เป็นคนที่ถูกขึ้นหิ้งไว้ในระดับตำนาน ต้องเป็นแบบไหน ทำอย่างไร
“เมื่อไหร่ชั้นจะเลิกทำหนังนะเหรอ คง 7 วันก่อนตายมั้ง ถึงตอนนั้นสมองตายคิดอะไรไม่ออก ก็คงจำเป็นต้องเลิกทำ” การรังสรรค์งานอย่างต่อเนื่องมากว่าสี่ทศวรรษ เป็นเครื่องยืนยันว่า นี่คงไม่ได้เป็นเพียงคำพูดเท่ ๆ และไร้ความหมาย
คนค้นฅน ในคืนวันอังคารที่ 5 มีนาคมนี้ จึงไม่ได้เป็นเพียงเรื่องราวของผู้กำกับคลาสสิกที่มีฐานันดรศักดิ์และมีรูป นามนำหน้า ว่า หม่อมเจ้า แต่เป็นเรื่องราวของยอดคน ที่ทำงาน แบบทุ่มกายถวายชีวิต เพื่อให้งานออกมา ดีที่สุด อย่างจงรักต่อทั้งตนเองและคนดู