เปิดเส้นทางการเรียน “หมอแมน” ใครอยากสอบติดคณะแพทย์ต้องอ่าน!
นับว่าเป็นอีกหนึ่งหนุ่มที่ทั้งหน้าตาดีและมีความสามารถจริงๆ สำหรับหนุ่ม “แมน เจตนันท์ แมนธนานนธ์” หรือที่รู้จักกันในโลกโซเชียลว่า “หมอแมน” โดยเจ้าตัวนั้นเป็นนิสิตแพทย์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเป็นแฟนหนุ่มของนักแสดงสาวดาวรุ่ง “มุก วรนิษฐ์ ถาวรวงศ์” ซึ่งล่าสุดมีโอกาสได้พูดคุยกับทางหนุ่มแมน เจ้าตัวก็ได้ออกมาเล่าถึงการเตรียมตัวสอบเข้าคณะแพทยศาสตร์ เพื่อเป็นแนวทางและกำลังใจให้กับน้องๆ ที่กำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยในช่วงนี้
โดยหนุ่ม “แมน” เผยว่า “ผมเน้นเรียน ส่วนใหญ่งานที่ผมรับจะเป็นพวกที่คล้ายๆ ว่าให้เราสามารถไปแนะนำน้องๆ หรือว่าตอบคำถามน้องๆ ที่เขาจะสอบเข้าได้ คือในช่วงแรกที่พอมีคนรู้จักขึ้นมา ผมก็ไม่ใช่คนที่โอเคกับการที่ไปไหนแล้วทำอะไรต้องคอยระวัง ผมเป็นคนชอบอะไรที่อยากทำ หรือทำอะไรก็ทำ พอช่วงนั้นที่มีคนรู้จักและผมต้องคอยระวังมากขึ้น โดยส่วนตัวไม่ได้ชอบเท่าไหร่ แต่ว่ามุกเขาก็จะบอกว่าในเมื่อมีคนรู้จักแล้วก็ต้องวางตัวดีๆ ผมก็เลยคิดว่าพอมีคนรู้จักแล้ว สิ่งนึงที่ผมอยากทำก็คือให้น้องๆ ที่เขารู้จักมีโอกาสได้ถามคำถาม ได้ปรึกษา หรือว่าได้ระบายที่เขาไม่มีคนให้ระบายหรือตอบคำถาม เพราะว่าอย่างช่วงม.ปลายผมก็เคยคิดจะสอบหมอแล้วไม่รู้จะถามใคร มีอะไรหลายๆ อย่างที่อยากจะถามใครสักคนที่เขาจะตอบคำถามเราได้ แต่มันไม่มี ผมรู้สึกว่าอยากช่วยน้องๆ ในส่วนนั้น ถ้าไม่อยากทำตรงนี้จริงๆ ผมก็คงแบบไม่ได้โอเคกับเรื่องที่มีคนรู้จักเท่าไหร่ ผมเป็นพวกโลกส่วนตัวสูงครับ แต่พอมีน้องๆ เข้ามาปรึกษาเยอะๆ มีโอกาสได้ให้คำแนะนำน้องๆ ก็รู้สึกดีครับ เป็นอะไรที่เราอยากทำอยู่แล้ว
จริงๆ ตอนสอบเข้าอ่านหนักมากครับ เพราะว่าด้วยความที่โรงเรียนผมไม่ใช่ระบบไทย แต่ผมสอบเข้าคณะไทย เพราะฉะนั้นผมต้องทวนเนื้อหาของภาคไทยและเรียนที่โรงเรียนไปด้วย มันก็จะค่อนข้างหนัก เพราะผมต้องแบ่งเวลาในแต่ละวันทำสองอย่างไปด้วยกันครับ เพราะถ้าแค่สอบหมอติดแต่โรงเรียนไม่พอใจผมอาจไม่จบก็ได้ กลายเป็นว่าเราต้องทำให้ดีทั้งสองทางโดยที่เวลามันจำกัดครับ ก็ค่อนข้างหนัก อ่านหนังสือเยอะมาก ช่วงสอบไม่ไปไหนเลย ผมไปไหนน้อยมากๆ เต็มที่ก็คือออกมากินข้าว ต้องมีลิมิตเวลาตัวเอง ออกมากินข้าวต้องชั่วโมงเดียว เพราะว่าช่วงสอบเข้ามันคนละเรื่องกับตอนเรียนหมอตอนนี้ ช่วงสอบเข้าคือเรายังไม่รู้ว่าเราจะมีโอกาสได้เข้าไปเรียนในคณะที่เราอยากเรียนมั้ย ไม่รู้ว่าเราจะมีโอกาสได้ทำอะไรที่อยากทำในอนาคตมั้ย ก็จำเป็นที่จะต้องตัดทุกอย่างออกไปจริงๆ เพื่อให้เรามีโอกาสเข้าไปในจุดๆ นั้นก่อน
แต่พอปัจจุบันผมเข้ามาเรียนแล้ว เป็นนิสิตแพทย์แล้ว เรื่องการเรียนผมก็จะแบ่งเวลากับอะไรที่อยากทำ ผมจะไม่เน้นไปที่การเรียนอย่างเดียว เรื่องเกรดหรือผลการเรียนแพทย์ช่วงนี้สำคัญกับการสอบเฉพาะทาง คืออย่างน้อยเราได้เป็นแพทย์ที่เราฝันว่าอยากจะเป็นแล้ว ผมก็เลยจะแบ่งเวลามาทำอะไรที่เป็นกิจกรรมส่วนตัวมากขึ้น ไม่ให้มันหนักเกินไป อะไรที่ผมทำผมคิดว่าจะทำเล่นๆ หรือทำไม่สุดผมก็ไม่ทำซะดีกว่า ถ้าจะทำผมก็จะทำให้สุดๆ
ตอนนี้อยู่ปี 2 แล้ว เรียนหนัก การเรียนหมอของผมปกติก็คือเรียนทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ ตั้งแต่ 8 โมงเช้า ถึง 4 โมงเย็น จะมีพักแค่ทานข้าวเที่ยง ก็จะแล้วแต่ว่าเป็นเลคเชอร์หรือเป็นแล็บ หรือว่าจะเป็นงานผ่าอาจารย์ใหญ่ ซึ่งจะเป็นการแบ่งช่วง ถ้าเป็นเลคเชอร์ช่วงเช้า ก็จะเป็นแล็บช่วงบ่าย หรืองานอาจารย์ใหญ่ช่วงบ่าย ถ้าบางวันที่หนักมากๆ จริงๆ ก็อาจจะเป็นเลคเชอร์ 2 ชั่วโมง แล้วก็จะผ่าอาจารย์ใหญ่ชั่วโมงครึ่ง ตอนบ่ายก็เลคเชอร์อีก 2 ชั่วโมง แล้วผ่าอาจารย์ใหญ่อีก 2 ชั่วโมง ก็คือตารางทางคณะเขาจะจัดให้อยู่แล้ว แต่จะเรียนค่อนข้างหนัก ก็จะเรียนหนักขึ้นเรื่อยๆ
อยากฝากถึงน้องๆ ทุกคน ไม่ว่าจะอยากเป็นหมอหรืออยากเป็นอาชีพอะไร หรืออยากเรียนคณะอะไร พยายามให้เต็มที่ ชีวิตเราเกิดมาครั้งเดียว เราต้องบริหารจัดการให้เป็น เพราะว่าพอเราผ่านช่วงเวลานี้ไปแล้ว หรือเสียโอกาสบางอย่างไปแล้ว มันยากที่เราจะกลับมามีโอกาสแบบเดิม หรือมีโอกาสได้กลับมาทำอะไรที่อาจจะเป็นตัวเราจริงๆ ที่เราเสียมันไปแล้วก็ได้ อยากให้น้องๆ คิดดีๆ ว่าตัวเองอยากทำอะไร เป็นอะไร แล้วก็ไม่ต้องกลัวครับ โอกาสมีเสมอ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่มีโอกาสแล้วอย่ายอมแพ้ และอย่าทิ้งมันไปครับ”