“นุ่น” ผ่าตัดเต้านมที่เป็นมะเร็งออกแล้ว ยันสู้เต็มที่ เผยได้กำลังใจจากลูกทั้งสองคน
“นุ่น ดารัณ ฐิตะกวิน” รับโล่งหลังผ่าตัดเต้านมที่เป็นมะเร็งด้านขวาออก เผยรอตรวจความพร้อมของร่างกายเพื่อฉายแสงและให้คีโม ยันขอสู้เต็มที่เพราะมีกำลังใจจากลูกทั้งสองคนล้นเปี่ยม
ถึงกับออกอาการโล่งใจไม่น้อยหลังได้ตัดเต้านมที่เป็นมะเร็งด้านขวาออกไป สำหรับนักแสดงสาวมากความสามารถ อย่าง “นุ่น ดารัณ” ล่าสุดเจ้าตัวก็ได้ออกมาอัพเดทถึงอาการล่าสุดให้ฟัง พร้อมทั้งเผยถึงกำลังใจสำคัญที่ทำให้เธอสู้จากลูกๆ ทั้งสอง โดยเธอเผยว่า
"ตอนนี้โล่งใจหลังผ่าตัดไปแล้ว เหลือให้คีโม ฉายแสง ก็เป็นไปตามขั้นตอน มีเจ็บแผลอยู่บ้าง แต่ดีขึ้นเกือบปกติ ทำงานหรือกิจกรรมได้เหมือนเดิม และจะเน้นเรื่องอาหารและพักผ่อน ส่วนสาเหตุก็ยังหาไม่เจอ แต่ไม่เป็นพันธุกรรมแน่นอน คิดว่าน่าจะเป็นเพราะเรื่องพักผ่อนและการทานอาหาร เพราะการใช้ชีวิตเป็นนักแสดงกินนอนไม่เป็นเวลาอยู่แล้ว เรากังวลถ้าผ่าคุณหมอบอกว่าอาจจะมีสิทธิ์เป็นอีก แต่ถ้าดูแลตัวเองดีโอกาสเป็นก็จะน้อย ตอนแรกที่เจอก็คลำเหมือนวิธีตรวจตามที่รู้ๆ กัน ไปตรวจต้นเดือนมีนาคม และต้นเดือนเมษายนก็ผ่า เป็นมะเร็งระยะที่ 2 แค่ 2 ซม.กว่า ครั้งแรกที่เจอก็ตกใจ รู้อยู่ว่าร่างกายไม่ยั่งยืน ขอเป็นอะไรก็ได้ที่รักษาให้หายได้ เราเห็นคุณแม่ป่วยก็มีกลัว แต่ก็เป็นกำลังใจให้
ส่วนตอนนี้รอตรวจร่างกายพร้อมหรือเปล่าเพื่อให้คีโม เพราะเวลาเป็นแล้วจะไม่สามารถให้ได้ เลยตรวจดูร่างกายทุกส่วนอยู่ ถ้าโชคดี ถ้าไม่เป็นเยอะจะให้น้อย การให้คีโมก็ทำใจนิดนึง และเป็นมะเร็งที่ข้างขวาแต่ก็ทำทุกอย่างเหมือนเดิม เราไม่ได้มีความกังวลอะไรมาก และมีคิดว่าจะไปตรวจแบบจริงจังตั้งแต่ตอนแรกๆ ที่รู้เลย แต่ติดหลายอย่าง คิดอยู่แล้วว่าต้องเป็นเลยเตรียมใจ มองว่าร่างกายทุกคนมีความเสื่อมเป็นธรรมดาตามกาลเวลา การให้คีโมหรือฉายแสงก็ไม่ใช่ว่าจะกลับมาเป็นอีกไม่ได้ อยู่ที่ร่างกาย
คุณแม่ยังไม่รู้ว่าเราเป็นมะเร็ง ท่านอายุมากตามวัย เรา ก็ห่วงความรู้สึกของท่านอยู่ อีกสักพัก ไปให้ยาก่อนค่อยบอก ส่วนตัวไม่ได้คิดว่าเป็นอะไรหนักมาก แต่คุณแม่น่าจะหนักกว่าถ้ารู้ เพราะท่านเป็นโรคซึมเศร้า คงรอให้ท่านแข็งแรงกว่านี้ก็ค่อยว่ากัน
ด้านงานไม่ได้ลดงาน แต่จะใช้วิธีปรับตนเองเพื่อให้เข้ากับงานมากกว่า ตอนผ่าวันแรกก็ออกมาทำงานเลย แต่มีคอสตูมช่วยเหลือเยอะ ทำให้มีกำลังใจ สำหรับสภาพจิตใจดีมาก มีลูกทั้งสองคนที่ให้กำลังใจถึงแม้บางครั้งเขาจะไม่รู้ว่าแรงขนาดไหน ขอบคุณลูก ตอนนี้เราสอนให้เขาดูแลตัวเอง และบอกว่าไม่ได้อยู่ดูแลนานแล้ว ถ้าดูแลตัวเองได้จะดูแลคนอื่นได้เช่นกัน เวลาเขาเห็นเราเข้าโรงพยาบาลก็ช่วยดูแล ไม่เกี่ยงงอนอะไร พูดก็เชื่อฟังมากขึ้น คนเราไม่ต้องรอให้จากกันไป มีอะไร