“เซฟฟานี่” ตื่นเต้นรับงานภ. ลดความสัมพันธ์แฟนหนุ่ม
"เซฟ เซฟฟานี่ อาวะนิค" รับลดความสัมพันธ์กับแฟนหนุ่ม ย้ำยังเป็นเพื่อนกันได้ ตื่นเต้นภาพยนตร์เรื่องแรก "นายไข่เจียว เสี่ยวตอร์ปิโด"
ไม่เพียงแต่งานละครเท่านั้น สาว "เซฟ เซฟฟานี่" ยังงานเข้าต่อเนื่อง โดดไปร่วมงานภาพยนตร์อีกด้วย กับผลงานเรื่องแรก "นายไข่เจียว เสี่ยวตอร์ปิโด" ซึ่งทำเอาเจ้าตัวตื่นเต้นสุดๆ กับบทบาทครั้งใหม่ เมื่อมีโอกาสได้เจอกับเธอในงานเปิดตัวภาพยนตร์ สาว "เซฟฟานี่" ก็ได้เผยถึงบทบาทว่า
สำหรับภาพยนตร์ "นายไข่เจียว เสี่ยวตอร์ปิโด" เป็นคาแรคเตอร์ที่ตนไม่เคยเล่นมาก่อน "นะโม" เป็นตัวละครที่ห้าวๆ แข็งแกร่ง แมนๆ เป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่ม แล้วต้องควบคุมผู้ชายทั้งหมด ตนอาจจะไม่ได้ฮาเท่าคนอื่น แต่ก็จะมีมุมแปลกๆ ของคาแรคเตอร์อยู่ ก็รู้สึกกดดันนิดนึงที่ได้มาแสดงภาพยนตร์ ตนก็เริ่มทำการบ้านด้วยการไปถามเพื่อนๆ ว่า มันแตกต่างจากการเล่นละครอย่างไรบ้าง เพราะละครแอคติ้งก็จะมีความแตกต่างนิดนึง ภาพยนตร์ก็จะมีความสมจริงมากกว่า
ช่วงแรกๆ ก็แอบกลัวเพราะว่าเรื่องนี้เป็นคอมเมดี้ และภาษาไทยของตนก็จะเอ๋อๆ ไม่ได้เข้าใจมุขทั้งหมด แต่ตอนหลังก็รู้ว่าตนไม่ต้องใส่เต็มเท่าคนอื่น ก็ถือว่าเป็นบทเรียนไป และเป็นการเริ่มทำความรู้จักกับงานคอมเมดี้ ก็จะมีมุมฮาๆ แม้ไม่ฮาเท่ากับคนอื่น ตนก็จะมีโมเมนต์ของตน คนก็จะเห็นความแมนของตน เพราะต้องทำหลายอย่างมาก ต้องขับมอเตอร์ไซค์ รถสปอร์ต เล่นเวกบอร์ด วิ่งขึ้นภูเขาทอง สำหรับเรื่องฟีดแบ็ค ตนไม่ได้คาดหวังมากแต่ก็อยากให้คนเข้าไปดู เพราะว่าเป็นภาพยนตร์เรื่องแรก ก็จะเห็นเมนูแปลกๆ ในการทำไข่เจียวที่อาจจะไปทำได้ แต่ไม่ใช่เรื่องแรกของตนคนเดียว เป็นเรื่องแรกของพี่ "ก้อง" และพี่ "สิงโต" ด้วย แต่ละคนไม่ธรรมดา ที่ใครบอกว่าเขาเล่นไม่เป็น ตนต้องสอน จริงๆ ไม่ต้องเลย เขาอาจจะต้องสอนตน เพราะเล่นกันเป็นธรรมชาติมาก
ส่วนละคร "ยึดฟ้าหาพิกัดรัก" จบลงแล้วสำหรับซีรีส์ "ภารกิจรัก" ก็ต้องขอบคุณแฟนๆ ที่ติดตามมาตั้งแต่เรื่องแรก จนเรื่องสุดท้าย ฟีดแบ็คดีมากๆ สำหรับตนได้รับบทบาท "ดร.ไอรีน" ก็ดีใจมากๆ เมื่อได้อ่านคอมเมนต์ดีๆ ตนก็หายเหนื่อย ส่วนกับกระแสคู่จิ้น "มิกค์" ตั้งแต่เรื่อง "ทะเลไฟ" แล้วคนก็มาลุ้นว่าเมื่อไหร่จะได้เล่นด้วยดันอีก พอเรื่องนี้ได้เล่นด้วยกัน คนก็ดีใจ เคมีเท่ากัน ตอนนี้จบซีรีส์ภารกิจรักก็ยังไม่ได้มีเรื่องใหม่ ยังรอให้ทางช่องสรุปอีกทีว่าจะได้เล่นเรื่องไหน กับใคร
ส่วนเรื่องหัวใจ ตนไม่ได้มีอะไร ตอนนี้เปลี่ยนสถานะมาเป็นเพื่อนสักพักนึงแล้ว หลายๆ คน อาจจะตกใจ เพราะว่าตนก็ไม่ได้เป็นคนโฟกัสเรื่องนี้อยู่แล้ว สำหรับคนที่สนิทกับตนก็จะทราบดี เราห่างกันแต่เราคุยกันดีๆ เป็นเพื่อนกันได้ ไม่เสียดายอะไรเพราะเราไม่ได้ตัดขาดกัน ยังเหลือความเป็นเพื่อนกันอยู่ ก็คือถ้ามีปัญหาอะไรเราก็ยังคุยปรึกษากันได้ เพราะรู้จักกันมานาน เราก็ปรึกษากันได้ ยังมีความเป็นเพื่อนกันอยู่
ด้านสาเหตุที่ลดสถานะความสัมพันธ์มาจากอะไรหลายๆ อย่าง ก็มีการคุยกันก่อน และก็ปรับกันเพื่อให้มันเวิร์ค แต่สุดท้ายก็ฝืนไม่ได้ เพราะฝืนไปก็ไม่มีใครแฮปปี้ ก็เลยต่างคนต่างตัดสินใจ เรา 2 คนก็คิดตรงกันว่าถ้ามันไม่ใช่ ยังไงก็คือไม่ใช่ แต่ถ้าใช่ก็คงมีวิธีกลับมาเอง แต่ก็ไม่ได้ตั้งตารอว่าจะกลับมา การเลิกกันไม่มีเกี่ยวกับเรื่องปัญหามือที่สามอย่างแน่นอน อะไรก็ไม่ได้ปุ๊ปปั๊ป มีคุยกันก่อนตั้งแต่แรกๆ คุยกันมาก่อนหน้านี้หวังว่าอะไรๆ มันจะดีขึ้น แต่เมื่อไม่เวิร์คเราก็ไม่ฝืน ก็ต้องปล่อยกันไป ตอนนี้ก็มีพูดคุยกันบ้าง แต่ไม่เยอะเพราะก็เพิ่งห่างๆ กันไม่นาน ทุกอย่างต้องใช้เวลา
ส่วนตัดผมก็ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ จังหวะมันแปลกมากตรงกันพอดีเพราะตนก็อยากตัดอยู่แล้ว และละครปิดพอดี ก็เลยขอตัดผมเสียๆ ออก เรื่องผอมลงก็ไม่เกี่ยวเหมือนกัน ถ้าใครที่เคยอ่านบทสัมภาษณ์ของตนก็จะรู้ว่าตนมีโรคประจำตัวอยู่แล้ว เป็น PCOS ซึ่งมันทำให้การเผาผลาญของร่างกายลดลง ตนเป็นมา 2 ปีแล้ว ก็พยายามหาวิธีรักษา กินยาหลายๆ อย่าง จนเมื่อปีที่แล้วตนตัดสินใจกินมังสะวิรัต กินเจ ตัดเนื้อสัตว์ออก เพราะว่ามันมีเรื่องฮอร์โมนส์มาเกี่ยวข้อง ซึ่งมันก็เกี่ยวกับโรคนี้ก็เลยหาวิธีรักษา ตนก็อ่านหนังสือเยอะมาก ออกกำลังกายอีกด้วย แข่งวิ่ง มาราธอนด้วย ตนออกกำลังกายเยอะมาก แล้วก็ทานมังสะวิรัตเริ่มรักษาตัวเอง ก็เลยผอมลง ไม่ได้อดอาหารเพราะอกหัก ตนก็มีไปตรวจสุขภาพร่างกาย เพราะหลายๆ คนก็เป็นห่วงว่าตนจะขาดโปรตีน แต่ตนไปเช็คก็รู้ว่าไม่เป็นอะไร สุขภาพโอเค ตนก็ยังจะมีไลฟ์สไตล์แบบนี้ไปเรื่อยๆ
ถ้ามีคนมาจีบ ตนไม่ได้ตั้งเป้าหมายว่าจะเจอใครในเร็วๆ นี้ หรือว่าขอเบรกก่อนสักปี 2 ปี แบบนี้ตนก็พูดไม่ได้ เพาะทุกอย่างมันไปตามฟีลลิ่ง ถ้าคุยด้วยแล้วรู้สึกสบายใจก็อาจจะเปิดใจ แต่ถ้ายังไม่พร้อมก็อาจจะเบรกไว้ก่อน ตนอาจจะไม่ถึงกับปิด แต่ก็ไม่ได้เร่งให้เข้ามา
