"แม่มุก" เปิดใจเรื่องลูกสาว กรณี "กุญแจซอล" ขาดการติดต่อ

"แม่มุก" เปิดใจเรื่องลูกสาว กรณี "กุญแจซอล" ขาดการติดต่อ

         เปิดใจ "แม่มุก มุกดา บุญทอง” คุณแม่ “กุญแจซอล ป่านทอทอง” เผยหลังมีข่าวลือลูกสาวตั้งท้อง 

         กลายเป็นกระแสทอล์คออฟเดอะทาวน์ทันทีหลังมีผู้เผยแพร่ภาพนักแสดงสาว "กุญแจซอล ป่านทอทอง" กับแฟนหนุ่มกัปตันกำลังนั่งทานข้าว ซึ่งดูจากภาพแล้วดูอ้วนท้วมสมบูรณ์คล้ายคนท้อง เมื่อผู้สื่อข่าวได้โทรสัมภาษณ์ "แม่มุก มุกดา บุญทอง" ท่านได้เปิดใจอย่างหมดเปลือกกับความจริงที่เกิดขึ้นก่อนจะเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดกรณีลูกสาวหายออกจากบ้านตั้งแต่วันที่ 9 ก.พ. โดยไม่ทราบข่าวลูกเลยกว่า 8 เดือน โดยคุณแม่เผยว่า

         สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่แรกนั้น แม่จำเป็นต้องปิด เพราะว่าแม่คิดว่าเขาจะมีสามัญสำนึก และช่วงที่เขาเพิ่งไปใหม่ๆ แม่ก็กังวลหลายอย่างกลัวว่าผู้ชายจะทำร้ายลูกเรา สมมติว่าเขามีจุดประสงค์ไม่ดีจากที่แม่ได้ดูข่าวแม่ก็กลัวและเขาเป็นลูกทหารด้วย

         เรื่องออกจากบ้านน้องออกไปตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ คือตอนนั้นฝ่ายชายเขามาคุยและเราก็ไม่ได้ขัดขวางอะไร เราก็ได้ไปคุยกับพ่อแม่เขา บ้านแม่เขาอยู่สาทรและบ้านแม่ทางใต้เขาอยู่สุราษฎร์ฯ แม่ก็เลยได้นัดมาเจอกันกับทางคนกลางผู้ใหญ่ที่เรานับถือแล้วก็คุยกันเรื่องงานแต่งแม่เขาก็จะเป็นคนที่เจ้ากี้เจ้าการทุกอย่าง และบอกว่าฝ่ายหญิงตอนงานหมั้นก็จัดการไปเรื่องค่าใช้จ่ายตอนงานแต่งก็จะเป็นฝ่ายผู้ชายจัดการเองและเขาก็พูดแบบไม่ให้เกียรติเลยว่ามีเทศมนตรีอยู่คนหนึ่งเขาเรียกสินสอดแค่ 5 แสนเอง คือแม่ไปในวันนั้นแม่ยังไม่ได้คิดเลยว่าจะเรียกสินสอดเท่าไร เพราะแม่รู้ว่าตัวผู้ชายอยู่กรุงเทพฯ ก็ยังไม่มีบ้านเป็นหลักเป็นเเหล่งเลย ขนาดเเหวนที่จะไปหมั้นน้องเขายังขอเลยว่าขอเป็นเเหวนทหาร และเคยมีผู้หญิงใส่แล้ว แม่ก็บอกว่าไม่เป็นไรแต่ต้องเอาไปทำความสะอาดให้ดูดี แม่ก็ยอม และก็คุยกันว่าจะแต่งงานอะไรยังไง เลยตกลงกันที่ 2 ล้าน คิดว่าเป็นเงินเดือนของข้าราชการทหารแล้วกันก็เรียกให้ และปัจจุบันเขาเป็นนักบินเป็นกัปตันแล้วตอนที่คบกันแม่ก็ไม่นึกว่าจะเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น แม่ก็เลยไม่ได้กีดกันอะไรเลย ที่เสียใจที่สุดคือเรายอมทุกอย่าง เงิน 2 ล้านก็ไม่ได้

         หลังจากนั้นได้ไปทานข้าวด้วยกันกับพ่อเเม่เขา แล้วเขาทั้งสองคนก็ขึ้นมากรุงเทพฯ ก่อน ส่วนแม่ก็อยู่ทำธุระต่อพอเขามาถึงกรุงเทพฯ พ่อหนึ่งเขาก็เห็นสองคนคุยกันและพ่อหนึ่งก็ได้พูดไปว่าถ้ายังไม่พร้อมก็ดูใจกันไปก่อนดีกว่าพอพูดแค่นี้เขาก็โกรธพูดไม่ดีใส่พ่อทั้งที่พ่อก็พูดดีกับเขาและพอวันนั้นแม่กลับมาตอนกลางคืนและลูกสองคนก็บอกกับแม่ว่าทั้งสองคนนี้เขาอยากคุยกับแม่ แม่ก็บอกว่าเหนื่อยขอคุยวันอื่นได้ไหมตัวผู้ชายเขาก็เรียกน้องไปเลย 

         หลังจากนั้นเขาเอาลูกแม่ไปแม่ก็ไปตามหาที่คอนโดฯ ที่ผู้ชายเช่าอยู่แถวบ้านแม่ที่ซาฟารี และแม่ก็คิดว่าซอลน่าจะไปนอนกับพ่อที่บ้านอีกหลังหนึ่ง ปรากฏว่าไม่ พ่อก็บอกว่าทำไมลูกมาไม่ถึง แม่ก็เลยไปตามที่คอนโดฯ ผู้ชายที่คอนโดฯ ก็บอกว่าไม่ได้อยู่นานแล้วผู้ชายมาก็เช่าแบบเป็นรายวันมันเลยทำให้เราคิดว่าผู้ชายวางแผนไว้แล้วที่จะทำอย่างนี้ หลังจากนั้นมาซอลก็ออกไปจากบ้านเลย แม่โทรไปเขาก็ไม่รับสาย เขาอ่านไลน์แต่ไม่ตอบตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ แม่ก็ไม่ได้คุยกับเขาเลยจนครบ 8 เดือน เขาอ่านไลน์แต่ไม่ตอบแม่

         ส่วนที่น้องหายไป 8 เดือนช่วงแรกแม่ไม่ได้นอนเลยแม่กับพ่อก็ตามหากันทุกคืน บางคนบอกเจออยู่ที่นครสวรรค์เราก็ขับรถกันไปและไปดักผู้ชายที่สนามบินก็ทำมาแล้ว พร้อมกับไปเเจ้งความด้วยผู้ชายเขาก็รู้ว่าแม่มาเขาก็ไม่ยอมมาเจอ เราอยากรู้ว่าลูกเราปลอดภัยดีไหมเราก็เป็นห่วง เพราะแม่สอนลูกว่าเราคบกันต้องดูกันไปอย่าเพิ่งไปใจง่ายกับผู้ชาย แม่ก็คิดว่าน้องคงไม่กล้าแต่ถ้าไปขัดขืนแม่ก็กลัวว่าเขาจะทำร้ายหรือเปล่า ช่วงนั้นเราคิดไปมั่วว่าไปนครสวรรค์จะเอาลูกเราไปขายหรือเปล่าก็เลยต้องตามหา หลังจากนั้นแม่ก็ไม่รู้ข่าวอีกเลยมารู้อีกทีจากคนอื่นที่ว่าเขาไปจดทะเบียน มีคนไปเจอที่สนามบินบ้าง เจออยู่ที่สุราษฎร์ฯ บ้าง ซอลเขาไม่เคยไลน์มาหาแม่เลยไลน์มาแค่ครั้งเดียวเมื่อวันแม่ที่ผ่านมา ว่าสุขสันต์วันแม่แค่นี้ ซึ่งพอไลน์มาสุขสันต์วันแม่ แม่ก็พยายามโทรหาเขาตลอดแต่เขาไม่เคยรับเลย แม่เลยโทรไปบ้านผู้ชายเป็น 100 ครั้งเขาก็ไม่เคยโทรกลับมาเลยสักครั้งเดียว แต่แม่ได้บล็อกไลน์ไปแล้วและเขาได้เปลี่ยนไลน์ใหม่

         สำหรับความรู้สึกที่เขาไม่โทรกลับ จริงๆ แล้วซอลเขาไม่ตอบกลับทุกคนเลยอย่างพ่อและเพื่อนสนิทเขาก็ไม่ตอบ เขาไม่ตอบกับทุกคนเลย เพราะว่าแม่คิดว่าผู้ชายสั่ง ปกติน้องจะติดมือถือ ส่วนเรื่องของตัวผู้ชายแม่ไม่รู้จักบ้านเขาเลย แม่ยังไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าเขา เขารู้จักกันยังไงแม่ก็ไม่รู้เพราะว่ามันเร็วมากจริงๆ แล้วซอลเองก็มีคนมาจีบเยอะและแม่ก็ให้เขาไปกินข้าวกับคนโน่นคนนี่บ้างไม่ได้กีดกันแต่พอซอลมาคบกับคนนี้มันเร็วเกินไป เขาเป็นผู้ชายปากหวานจนทุกคนในบ้านตายใจหมดเลย แล้วเขาก็ชอบพูดคำนี้ ถ้าเขาพร้อม ผมพร้อม ผมเลี้ยงได้หมดทั้งครอบครัว ด้านอายุของผู้ชายเขาอายุ 38 ปี แม่ก็ไม่รู้ว่าเขาโสดหรือเปล่า เพราะทุกอย่างมันเร็วมากและก็มีคนไปสืบมาให้ว่าเขาเคยเป็นแฟนคนนี้คนนั้นและเคยยังไงกันบ้างแม่ก็เพิ่งมารู้ตอนลูกไปกับเขาแล้ว

         ถามเรื่องสัญญาทางช่อง 7 ที่นางเอกสาวยกเลิกนั้น จริงๆ แล้วผู้ชายเขาพาไปยกเลิก และทางช่องก็ได้โทรมาบอกตอนที่เขาจะกลับแล้วและเเม่ก็เสียใจที่เขาทำลายทุกอย่าง สำหรับงานในวงการบันเทิงตอนนี้ไม่มีเลย เพราะตัวผู้ชายเขาไปยกเลิกหมดเลยแล้วไม่ได้รับงาน ก่อนหน้านี้เขารับงานมาแล้วเขาเบี้ยวงานเดินแบบกะทันหันเป็นงานเดินแบบ ส่วนเรื่องที่น้องเบี้ยวละครไม่จริงน้องเบี้ยวแค่เรื่องเดินแบบที่ผู้ชายไม่ยอม เพราะว่างานเดินแบบ เพิ่งจะคบกันและเขาอยากเหมือนเซอร์ไพรส์บอกว่าขอน้องแต่งงาน แต่เราก็บอกเพิ่งคบกันเองเดี๋ยวคนเขาตกใจให้แค่ดอกไม้วันวาเลนไทน์ดีไหมเข้าก็เลยไม่ไป เบี้ยวงานนั้น

         กลัวคนมองว่าไม่ดีไหมที่ออกมาว่าลูกตัวเอง ก่อนหน้านี้แม่ก็ช่วยเขาแล้วให้สัมภาษณ์ว่าเขาคงจะไปเรียนต่อแต่ตอนนี้เรียนจบแล้วค่ะ คือบ้านผู้ชายเขาอยู่นครศรีธรรมราชและมีที่สุราษฎร์ฯ ด้วยในส่วนเรื่องภาพที่หลุดออกมาว่าท้องและไปกินข้าวด้วยกันแม่ก็เพิ่งจะเห็น ตัวเขาเองก็อ่านไลน์แม่เเต่เขาไม่ตอบตอนแม่เห็นภาพที่ท้องแม่ก็อึ้งอยู่ คือตอนที่เขาออกจากบ้านไปเขาเคยคุยกับแม่ว่าถ้าเขาเรียนจบเขาจะไปหางานที่มั่นคงทำและผู้ชายแฟนเขาก็บอกว่าเขาจะพาไปฝากให้เขาเป็นทหารมีโควตาเดี๋ยวจะให้ไปสอบเป็นนักบินเขามีโควต้าเขาพูดแบบนี้

         ความรู้สึกแม่ตอนแรกก็ตกใจมาก ล่าสุดก็มีคนโทรมาบอกแม่ว่าท้องแล้ว บางคนก็บอกว่าเขาโทรไปคุยมาแล้วและได้ถามว่าไม่กลับไปหาพ่อแม่เหรอ เขาก็พูดมาคำเดียวว่าต้องปรึกษาผู้ชายก่อน คือลูกเราตอนนี้ไม่ฟังใครเลยฟังแค่คนเดียว ถ้าน้องท้องจริงๆ ในความรู้สึกแม่ แม่ก็ยังไม่ทราบและแม่ก็ตกใจตอนที่เห็นลูกเราโทรมขนาดนั้นเลยเหรอ ส่วนหลังข่าวออกไปนางเอกสาวได้ติดต่อกลับมาไหม แม่ว่าอยู่ที่ผู้ชายเพราะตอนนี้เขาฟังแค่ผู้ชายคนเดียวตอนนี้เขาก็ไม่ติดต่อมาเลยเผลอๆ เขาอาจไม่ดูข่าว

         เรื่องที่จะฝากบอกน้องแม่ไม่มีอะไรจะพูด เพราะว่าเขาไม่ฟังเรา เราจะพูดทำไมทุกวันนี้แม่ก็ร้องไห้จนไม่รู้จะทำยังไง มันร้องจนไม่มีน้ำตาแล้ว แต่แม่ก็มีลูกอีก 2 คนที่ยังคอยให้กำลังใจแม่อยู่ ตอนที่เขาไปช่วงแรกๆ แม่เครียดและได้ไปเช็กร่างกายหัวใจแม่ได้เต้นผิดจังหวะ เพราะฉะนั้นแม่จะเครียดอีกต่อไปไม่ได้ ตัวพ่อเขาก็เป็น แม่ก็ต้องมีชีวิตอยู่เพื่อลูกอีก 2 คน เพราะลูกอีก 2 คนก็คอยบอกแม่ว่าเดี๋ยวหนูจะหางานดีๆ ทำนะแม่ แม่ต้องใช้เงินเดือนหนูนะตอนนี้คนเล็กเขาก็จบโทแล้ว คนกลางเขาก็จบนิติ เราก็มีความชื่นใจกับ 2 คนนี้อยู่

         ตอนนี้ถ้าถามว่าจิตใจดีขึ้นไหม คงตอบว่ามันเป็นคงเป็นช่วงๆ แม่ก็พยายามหาอะไรทำไปเที่ยวบ้าง เพราะเราก็ถือว่าลูกเราก็เรียนจบทุกคนตอนนี้ถ้าอยากบอกความรู้สึกมันก็เป็นธรรมดาที่เสียใจเราก็อยากให้เขาทำถูกต้องตามประเพณีทุกอย่างที่ทำให้สังคมได้ยอมรับเขาในสิ่งที่ดี แต่ก็ไม่นึกว่าเขาจะไปเชื่อผู้ชายเเละทำแบบนี้ สำหรับคุณพ่อเขาก็เสียใจเขาก็ไม่พูดอะไร แต่ลึกๆ เรารู้โกรธมาก เขาก็ร้องไห้ พ่อเขาก็มีความสุขกับการทำงาน เเละเขาก็ไม่อยากเครียด เพราะเครียดไม่ได้ต้องรักษาโรคหัวใจ

         ด้านคำถามอยากให้จบแบบไหน แม่ว่าถ้าเขามาขอขมาแม่ก็ยังไม่ได้คิดเลย เพราะว่าเขาทำให้เราอัดอั้นตันใจมาตั้ง 8 เดือนทุกคนในบ้านก็เศร้า เเม่ก็พยายามหาอย่างอื่นทำเพื่อจะได้ไม่เครียด แต่ลูกเรากลับไม่เห็นและไม่สงสารเราเลยแม่ก็ส่งใบที่หมอเเจ้งว่าแม่เป็นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะไปให้เขาดู เขาก็เฉยไม่ตอบและวันที่แม่ไปสุราษฎร์ฯ กลับมาแล้วรถชนท้ายแม่ก็ส่งรูปไปให้เขาดูเขาก็ไม่ตอบอะไรเลย แม่ส่งเงินไปให้เขา เขาก็ไม่เคยขอบคุณแม่สักครั้งหนึ่ง จริงๆ ซอลไม่ได้ขอเงินหรอกแต่แม่จะโอนให้ลูกทั้ง 3 คนเป็นปกติ

         เมื่อถามว่าจะเเถลงข่าวไหม แจงว่าคงไม่ เพราะน้องไม่ใช่นักแสดงดังอะไรมากเป็นแค่นักแสดงธรรมดา