ศิลปิน-ดารา เผยความรู้สึกที่มีต่อ พ่อหลวงของชาวไทย ในหลวงรัชกาลที่ 9
เปิดความรู้สึกของคนบันเทิงที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร
นอกจากจะทำหน้าที่เป็นนักแสดงที่ดีแล้วนางเอกสาวฉายานางฟ้าฟรีแลนซ์ "แพนเค้ก เขมนิจ จามิกรณ์" ก็ยังมุ่งมั่นตั้งใจเดินตามรอยเท้าพ่อหลวงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่ 9 อีกด้วยหลังจากเจ้าตัวไปซื้อที่นากว่า 3 ไร่ไว้ที่จังหวัดสุรินทร์พร้อมทั้งน้อมนำคำสอนและหลักเศรษฐกิจพอเพียงที่พ่อหลวงพร่ำสอนมาตลอดมาเป็นตัวกลางในการดำเนินชีวิต
ในฐานะประชาชนคนไทยคนนึงก็คงต้องบอกว่าเป็นบุญอย่างที่สุดที่มีโอกาสได้เกิดบนแผ่นดินของในหลวงรัชกาลที่ 9 และได้เห็นพระราชกรณียกิจมากมายที่พระองค์ท่านทรงทำ ได้มีพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ ที่ทรงเป็นแบบอย่างให้ปวงชนชาวไทย แพนว่าสิ่งที่เห็นชัดที่สุดคือการที่พระองค์ท่านลงมือทำเองไม่ใช่เพียงแต่บอกหรือสอนเพียงอย่างเดียว ก็มีหลากหลายเรื่องราวที่เราในฐานะคนไทย ลูกๆ ของพระองค์ท่านเนี่ยสามารถเลือกนำมาดำเนินรอยตามพระองค์ท่านใด จริงๆ ทุกวันนี้ที่ได้มีโอกาสมาดำเนินรอยตามคือเรื่องของเกษตร เรื่องของเศรษฐกิจพอเพียง เราได้ไปซื้อที่นาเพื่อมาทำเป็นพื้นที่ตัวอย่างตามศาสตร์พระราชา เป็นแบบโคกหนองนาโมเดล ก็ตั้งใจไว้ว่าจะทำเป็นพื้นที่ตัวอย่างให้คนที่เค้าสนใจเข้ามาดูได้ ไม่ว่าเราจะมีที่เยอะหรือน้อยแต่ก็สามารถทำได้แบบพอเพียงพอมีพอกิน อย่างในโคกหนองนาโมเดลมันก็คือการจัดสรรส่วนในที่นาของเราให้มันเกิดประโยชน์ได้สูงสุด เหมือนเรามีซุปเปอร์มาเก็ตในบ้าน เก็บผัก เก็บผลไม้ ทำนา น้ำเลี้ยงปลา ทุกอย่างมันครบครันหมด คือเราไปร่วมโครงการโครงการหนึ่งมา เรารู้สึกอิ่มมากกับเรื่องราวของพระองค์ท่าน เลยรู้สึกว่ามันต้องต่อยอด คือถ้ามีโอกาสเราก็อยากที่จะทำ ในเรื่องอื่นๆก็ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณอยู่แล้ว แต่ในเรื่องนี้แพนว่าถ้าเรามีโอกาส เราก็น่าจะสัมผัสประสบการณ์ตรงนี้ดู ซึ่งอาชีพเกษตรกรก็เป็นอาชีพหลักของคนไทยอยู่แล้ว
ไม่ว่างานชิ้นไหน พระองค์ท่านจะทำอย่างรู้จริงเสมอ อย่างในอาชีพการแสดงเอง ตนเคยได้อ่าน พระองค์ท่านบอกว่า ทำแล้วก็ต้องทำด้วยความตั้งใจจริงๆ ศรัทธาในอาชีพของเราจริงๆ เพราะอาชีพนักแสดงมีหน้าที่สำคัญที่จะกระจายเรื่องราวต่างๆ ไปสู่ทุกหย่อมหญ้า เพราะฉะนั้นเราจึงมีหน้าที่สำคัญมากในการบอกต่อสิ่งที่ดีๆ แล้วก็ทำสิ่งที่ดีให้เป็นแบบอย่างที่ดีต่อไป ในฐานะที่เราอยู่เบื้องหน้า ยิ่งต้องตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้เสมอ ส่วนตัวเคยรู้สึกว่าทำไมพระมหากษัตริย์ถึงทรงงานหนักเหลือเกิน แล้วก็ทรงมีพระปรีชาสามารถรอบด้านจริงๆ เรื่องดนตรี เรื่องงานช่าง งานเกษตร หรือเรื่องครอบครัว เรื่องความรักของท่านกับพระราชินี ซึ่งตรงนี้ก็ถือเป็นความรักที่ยิ่งใหญ่ ที่เป็นต้นแบบความรักของหลายๆครอบครัวเลย
คำสอนของพระองค์ท่านจริงๆ ก็มีเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นพระบรมราโชวาทก็ตาม หรือปรับจากสิ่งที่พระองค์ท่านทรงทำ ข้อนึงที่มีโอกาสได้พูดอยู่หลายครั้งคือเรื่องของการทำความดีที่พระองค์ท่านทรงบอกว่า การทำความดีนี้มันทำยากและก็ต้องใช้เวลา แต่ถ้าเกิดว่าเราไม่ทำอะ สิ่งอื่นๆ สิ่งที่ไม่ดีมันก็จะเข้ามาทับถมแทนที่ความดีเหล่านี้ก็จะหมดไป เราก็ยังคงต้องเดินหน้าตั้งใจที่จะทำสิ่งเหล่านี้ให้เต็มที่ที่สุด มันอาจจะช้าหน่อย ใช้เวลาหน่อย แต่ผลที่กลับมาก็จะคุ้มค่า
นักร้องหนุ่มเสียงคุณภาพ อย่าง "ต้น ธนษิต จตุรภุช" หรือ "ต้น AF" เป็นอีกคนหนึ่งที่มีความประทับใจในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยตั้งแต่เด็กจนโตจะมองในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นบุคคลที่สูงศักดิ์มาตลอด ซึ่งเจ้าตัวได้เผยถึงความรู้สึกว่า
สำหรับความผูกพันต่อในหลวงรัชกาลที่ 9 เรียกได้ว่าตั้งแต่เกิดมาก็รู้จักท่านอยู่แล้ว ตั้งแต่เกิดตั้งแต่เด็กจนโตก็จะมองท่านว่าเป็นบุคคลที่สูงศักดิ์มากๆ แต่ท่านทรงคลุกคลีทำพระราชกรณียกิจ เราเคยเห็นรูปที่ท่านทรงนั่งลงกับพื้นและก็ทรงเดินป่าไปหาพสกนิกรชาวไทยชนบทและก็จะมีรูปถ่ายที่ท่านเหงื่อหยดลงมา เรารู้สึกว่าท่านเป็นคนที่รักประเทศนี้จริงๆ รักคนไทยจริงๆ มันสามารถมองเห็นได้เลยจากรูปถ่าย หรืออะไรหลายๆ อย่างที่ท่านทำ ถือว่าตนเองก็ผูกพันกับท่านมากเหมือนตั้งแต่เราเกิดมาตั้งแต่เด็กจนโต ตอนนี้ก็อายุก็จะ 30 แล้วก็รู้จักท่านมาตลอด และจำได้ว่าท่านเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่รักคนไทยมากๆ
ส่วนเรื่องที่จะตั้งใจทำเพื่อเป็นพระราชกุศลอย่างเเรกที่เราทำได้คือทำงานของเราให้ดีที่สุด เป็นอะไรที่เราทำได้ง่ายที่สุดแล้ว คือตั้งใจทำหน้าที่ของเรา เป็นลูกที่ดี พอท่านมองมาก็จะได้สบายใจว่าทุกคนทำหน้าที่ของตนเอง ทำความดีโดยไม่เบียดเบียนผู้อื่น เท่านี้ท่านก็มีความสุขแล้ว อีกอย่างหนึ่งที่เราจะนำคำสอนท่านไปใช้ ก็คือหลายๆ คนอาจจะพูดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ตนจำคำสอนของท่านได้ จากที่เคยได้อ่านและท่านก็บอกว่าอนาคตบางอย่างทำนายได้ ตนก็งงว่าคืออะไรเลยได้อ่านและรู้ว่าบางทีเราไม่จำเป็นต้องมียานวิเศษหรือพลังวิเศษที่จะล่วงรู้อนาคต แต่สิ่งหนึ่งที่คุณสามารถรู้อนาคตได้เลยก็คือคุณทำดี อนาคตคุณได้ดีแน่นอน มันเป็นอะไรที่พอเราได้อ่านแล้วบางที่อาจจะลืมไปเลย ณ วันนี้เราทำดีไม่เบียดเบียนผู้อื่นแน่นอนว่าในอนาคตเราได้สิ่งดีๆ กลับมาแน่นอน อันนี้ก็เป็นคำสอนของท่านที่ตนจำได้ขึ้นใจ
นอกจากบทบาทการเป็นศิลปินดาราแล้ว อีกหนึ่งนักแสดงหนุ่มช่อง 3 อย่าง “เกรท วรินทร ปัญหกาญจน์” ก็ได้น้อมนำหลักคำสอนของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตรมาใช้ในการดำเนินชีวิตอีกด้วย โดยพระเอกหนุ่ม ได้เผยความคิดที่มีต่อหลักคำสอนเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 ว่า
เรื่องของความพอเพียงกับการประหยัดของพระองค์ท่านนั้น มองว่าคนไทยเข้าใจง่าย กับเรื่องพวกนี้เป็นข้อเด่นๆ ที่พระองค์ท่านได้สอนไว้ เราสามารถนำมาใช้กับชีวิตได้อย่างเหมาะสมและดีที่สุด พระองค์ท่านก็ทรงทำให้คนไทยเห็นแล้ว พวกเราแค่เดินรอยตาม และอยากให้รู้ว่าพระองค์ท่านทรงเหนื่อยแค่ไหนที่เสด็จะพระราชดำเนินไปในที่ไกลๆ บางครั้งถึงขั้นลงไปเจอชาวนาด้วยตัวของพระองค์ท่านเองเพื่อที่จะให้ความรู้กับพวกเขาเหล่านั้น และเป็นการสร้างรากฐานด้านการทำเกษตรที่ดีและยั่งยืน เชื่อว่าภาพเหล่านี้ทุกคนคงเห็นกัน และถ้าทุกคนทำได้ครึ่งนึงของพระองค์ท่านก็จะดีกับชีวิตเป็นอย่างมาก
ส่วนเรื่องของการให้กับการพอเพียงหรือความประหยัด มันมักจะตีคู่กันมา เมื่อคนเรารู้จักคำว่าพอเพียงแล้วถ้ามันพอเพียงในตัวเอง คนๆ นั้นก็จะเป็นคนที่สามารถให้คนอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ถ้าเกิดคนๆ นั้นยังไม่รู้จักกับคำว่าพอเพียงในความต้องการของตัวเอง การให้ของเขาก็อาจจะมีการคาดหวังถึงผลที่กลับมาบ้าง โดยที่เขาอาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ส่วนตัวก็มองว่าไม่ได้ผิดอะไร แต่การให้ที่สมบูรณ์คือคนต้องรู้จักคำว่าพอเพียงก่อนถึงจะดี
ด้านศิลปินหนุ่มมากความสามารถอย่าง “อ๊อฟ ศุภณัฐ เฉลิมชัยเจริญกิจ” ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ไม่เพียงสนใจแต่งานในวงการ แต่เจ้าตัวเริ่มค้นพบตัวเองเรื่องความชื่นชอบในงานด้านการเกษตรกรรม ซึ่งเจ้าตัวในฐานะประชาชนชาวไทยใต้ร่มพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เจ้าตัวก็มีแนวคิดเดินตามคำสอนและได้เผยถึงแพลนในอนาคตที่ประยุกต์หลักคำสอนเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาใช้ว่า
สำหรับตนนั้นคำว่าเศรษฐกิจพอเพียงถ้าทุกคนสามารถเข้าใจและนำมาปรับใช้ก็จะทำให้ชีวิตมีความสุขและยั่งยืนได้ อีกอย่างเราควรภูมิใจในสิ่งที่เรามี ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากๆ และต้องอยู่บนพื้นฐานของความจริงด้วย เพราะคนเราบางครั้งอาจจะมีไม่เท่ากัน คำว่าเศรษฐกิจพอเพียงนั้น จริงๆ ถ้าใครได้มีโอกาสศึกษาอย่างจริงจังก็จะสามารถสร้างตัวเองให้มั่นคงได้ แต่เหนือสิ่งอื่นใดก่อนที่จะทำอะไรก็ตามสิ่งที่ต้องมาก่อนคือความสุขเสมอ ตนมองว่าการทำตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงนั้นไม่จำเป็นต้องมีพื้นที่ใหญ่โตกว้างขวางมาก แค่ขอให้เรามีพื้นที่อยู่บ้าง ไม่ว่าจะเล็กแค่ไหนก็สามารถทำตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงของพระองค์ท่านและสามารถสร้างรายได้ให้กับตนเองจนเกิดเป็นความสุขได้เหมือนกัน
ส่วนตอนนี้ตนก็อายุเริ่มเข้า 30 แล้ว เลยรู้สึกว่าอยากทำงานด้านเกษตร และช่วงนี้ก็เริ่มเลี้ยงไก่ไว้ที่บ้านที่จังหวัดชัยนาทบ้างแล้ว และได้มีการคุยกับคุณพ่อว่าอยากทำสวนกล้วยรวมถึงทำนาปลูกข้าวด้วย โดยก่อนหน้านี้มีการขุดบ่อแพลนเลี้ยงปลาไว้แล้ว เหตุที่อยากทำเพราะว่าตนทำงานในวงการบันเทิงมาเยอะ เลยทำให้รู้ว่าสิ่งไหนที่ทำให้ตนมีความสุขอย่างแท้จริงกันแน่ ซึ่งการได้ไปทำเกษตรแบบพอเพียงที่บ้านก็ทำให้ได้อยู่ร่วมกันกับครอบครัวแบบมีความสุขมากขึ้นด้วย
เป็นอีกหนึ่งศิลปินที่มีแซกโซโฟนเป็นเครื่องดนตรีคู่ใจและเป็นนักดนตรีระดับท็อปของเมืองไทย สำหรับ "โก้ เศกพล อุ่นสำราญ" หรือ "โก้ มิสเตอร์ แซกแมน" ที่มีแรงบันดาลใจมาจากในหลวงรัชกาลที่9 ที่ทรงเล่นดนตรีได้อย่างไพเราะและแต่งเพลงพระราชนิพนธ์ จนคนทั่วโลกตะลึง และยังคงนำปรัชญาในความพอเพียงและอดทนมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันอีกด้วย
การบรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์นั้นตนนั้นโตมากับเพลงในหลวงตั้งแต่เด็กๆแต่ยังไม่เคยได้เล่นถวายพระองค์ท่านและเราไม่จำเป็นต้องรบกวนพระยุคลบาทขนานนั้นแต่ตนเเค่ทำหน้าที่ของนักดนตรีไทยเหมือนกับหลายๆคนก็จะเล่นเพลงในหลวงให้ดีที่สุดเผยแพร่เพลงของในหลวงไปทุกๆพื้นที่ในโลก
โดยยึดหลักคำสอนของในหลวงรัชกาลที่ 9 ตนอดทนมากเพราะว่าท่านทรงเป็นต้นแบบในเรื่องการอดทนเป็นตัวอย่างตนก็พยายามมากเพราะในหลวงพยายามมากกว่าเราหลายล้านเท่าในหลวงทรงมีความเพียรพยายามรู้จักสอนให้เราเป็นคนมีชีวิตแบบพอเพียงตนก็ยึดมั่นมาโดยตลอด เรื่องของการนำหลักคนสอนมาใช้ในชีวิตประจำวันนั้นความพอเพียงก็ใช้อยู่แล้วแต่มากกว่านั้นคือความพยายามเเละเคารพในความดีที่ในหลวงทรงได้ทำให้ดูเป็นตัวอย่างแล้วว่ามันทำอยากแต่ก็ต้องทำอดทนให้ผ่านอุปสรรคแต่ละอย่างไปถ้าไม่ได้ครั้งนี้ก็ต้องเพียรพยายามเหมือนพระมหาชนที่ว่ายอยู่ในมหาสมุทรก็อดทนจนท้ายที่สุดก็ประสบความสำเร็จ
นอกจากนี้ความตั้งใจที่จะทำเพื่อเป็นพระราชกุศลให้พระองค์ท่านนั้นก็จะยึดมั่นในความดีที่พระองค์ทรงทำเป็นแบบอย่างตนนั้นคิดว่าถ้าเรายึดมั่นสิ่งนี้อยู่ในหัวใจของคนไทยทุกๆคนต่อไปแล้วเมืองไทยก็จะสงบร่มเย็นเมืองไทยก็จะเจริญก้าวหน้าได้แค่นี้ก็จะเป็นสิ่งที่พระองค์ท่านอยากเห็นพวกเรารักกัน สามัคคีและจะก้าวหน้า
ความดีตามพระบรมราโชวาทคือสิ่งที่พระองค์ท่านได้ทำไว้ให้พวกเราเดินตามรอยพระองค์ท่านง่ายนิดเดียว สมมุติถ้าเกิดประเทศอื่นไม่มีพระมหากษัตริย์องค์ไหนที่รักเราเหมือนลูกแค่คิดดูชีวิตก็ยากแล้วแต่เราเพียงแค่เอาพระองค์ท่านเป็นแบบอย่างและเดินตามพระองค์ท่านเป็นชาวนาที่ลองปลูกข้าว ท่านเป็นนักกีฬาและเป็นนักดนตรีเราก็เพียงแค่เดินตามเองมันง่ายมากเลยแต่เราต้องยึดมั่นในความดีที่พระองค์ท่านทรงทำเป็นแบบอย่างอันนั้นก็ถือว่าสุดยอดที่สุด
นักแสดงสาวดีกรีนางร้ายเบอร์ต้นของวิกหมอชิตสำหรับ "หยก ธัญยกันต์ ธนกิตติ์ธนานนท์" ซึ่งเธอได้นำปรัชญาความพอเพียงตามรอยพระยุคลบาทในหลวงรัชกาลที่๙ มาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตเป็นหลักเศรษฐกิจพอเพียงตามพระราชดำริของในหลวงคือการทำอะไรไม่เกินตัว ทำอะไรที่มีความสุขไม่เอาเปรียบผู้อื่น ส่วนตนนั้นได้นำหลักคำสอนของพ่อมาใช้ในชีวิตประจำวัน ถ้าเป็นเรื่องใกล้ตัวก็จะเป็นเรื่องของการทำงาน การมีวินัยและการซื่อสัตย์ต่อผู้อื่น เป็นการทำงานที่ไม่เอาเปรียบผู้อื่นและทำงานด้วยความจริงใจ
การนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงตนได้ซึมซับมานั้น อย่างที่เห็นได้ชัดจะเป็นเรื่องชาวนาและเกษตรกร ปลูกข้าวปลูกผักสวนครัวเพื่อใช้เองและสามารถเลี้ยงชีพตัวเองได้ รับว่าเคยคิดที่จะซื้อไร่ทำนา แต่มันยังเป็นเรื่องไกลตัวเพราะเราเป็นชีวิตคนเมือง เพราะฉะนั้นการที่เราจะไปซื้อที่นาหรือปลูกผักมันก็ไม่ถึงขนาดนั้น จึงเลือกหลักคำสอนของพ่อและวิธีคิดของพ่อที่ค่อนข้างใกล้ตัวมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันมากกว่าทั้งในเรื่องของการทำงาน และอะไรที่สามารถช่วยเหลือสังคมได้ ซึ่งเป็นเรื่องใกล้ตัวจะสามารถปฏิบัติได้ง่ายกว่า
ส่วนนักแสดงอีกคนอย่าง สาว “ริชชี่ อรเณศ ดีคาบาเลส” ที่นอกจากคุณตาและครอบครัวจะเคยเข้าเฝ้าและถวายงานใกล้ชิดพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตรแล้ว เจ้าตัวเองก็มีพระองค์เป็นแบบอย่าง ทั้งในเรื่องการกีฬา และยึดเอาพระองค์เป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตอีกด้วย โดยเจ้าตัวได้เผยถึงความตื้นตันใจและความตั้งใจในการสานต่อสิ่งที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้ทรงริเริ่มไว้ว่า
ก็มีงานที่ได้มุ่งมั่นเตรียมสานต่อโครงการไร่ชาที่หมู่บ้านชนเผ่าลาหู่ในจังหวัดเชียงใหม่ตามแนวปณิธานของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่พระองค์ท่านได้รับสั่งกับคุณตา “จะฟะ ไชยกอ” ของเจ้าตัวไว้ ซึ่งเจ้าตัวก็ได้เผยว่า จริงๆ ตั้งแต่เด็กแล้วที่บ้านตนมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถตามรอยได้ ก็จะมีต้นชาต้นแรกและก็โครงการหลวง นอกจากนี้ยังมี Home Stay ที่สามารถเรียนรู้การใช้ชีวิตกับชาวลาหู่ได้ ทั้งยังมีการไปดูการทำเกษตรกรรมที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชทานไว้ให้ด้วย
ส่วนเรื่องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชา ตอนนี้ก็เป็นรูปเป็นร่างมากกว่าแต่ก่อน ก็พัฒนาเรื่อยๆ ตั้งแต่รุ่นคุณแม่ที่ท่านได้ทำมาเป็นรูปเป็นร่างดีขึ้น มาตอนนี้ที่หมู่บ้านของตนก็เป็นเหมือนชุมชนตัวอย่าง ซึ่งส่วนตัวก็อยากพัฒนาเรื่องชาให้มีหลากหลายกว่านี้ เพราะตอนนี้มีแต่ที่เป็น Original ตนในฐานะเด็กรุ่นใหม่ก็อยากพัฒนาให้เป็นแบบที่คนรุ่นใหม่ชอบ มีหลายรสชาติเพื่อจะขายได้
กับเรื่องเที่ยวตามรอยพระองค์ท่าน จริงๆ ทุกที่ที่ไปก็เป็นที่ที่ประทับใจที่สุด เพราะได้สัมผัสสิ่งที่ท่านได้สร้างให้พวกเรา มันงดงามและทำให้พวกเราอยู่ดีมีความสุข แต่ที่ซาบซึ้งมากที่สุดคือที่บ้านตัวเอง เพราะรู้มาตั้งแต่เด็กแล้ว และทุกครั้งที่ได้กลับไปที่บ้านก็จะสำนึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่มีต่อครอบครัวและชาวบ้านทั้งหมด
ด้านภาพในความทรงจำของพระองค์ท่านเป็นด้านกีฬา เพราะตนก็เล่นกีฬามาตั้งแต่เด็ก พระองค์ท่านเป็นเหมือนแบบอย่างในการฝึกซ้อม และตนก็จะมีรูปพระองค์ท่านที่ตั้งอยู่หลังคอร์ดแบดบินตันด้วย เวลามองภาพทำให้อดทนแล้วก็ขยันซ้อม จะทำให้สู้ทุกครั้งที่เหนื่อย บางทีโดนโค้ชดุตอนแรกคิดว่าจะท้อ พอเห็นพระองค์ท่านแล้วก็ทำให้ตนฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง และมองว่าพระองค์ทรงมีพระปรีชาสามารถทุกด้าน ไม่ใช่แค่กีฬาแบดมินตัน แต่ท่านทรงพระปรีชาสามารถทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านดนตรีหรือด้านอื่นๆ อีกเยอะมาก
สำหรับเรื่องการเจริญรอยตามพระองค์ท่าน ก็น่าจะเป็นเรื่องการดูแลชาวบ้านเผ่าลาหู่ เพราะว่าพระองค์ท่านเคยตรัสไว้เกี่ยวกับให้การรักโลก รักชาวเขา จึงคิดว่าเป็นสิ่งที่พระองค์ท่านมอบให้กับครอบครัวตน เป็นสิ่งที่จะสืบสานและเดินตามได้ง่ายที่สุดแล้ว ซึ่งครอบครัวตนก็ทำมาโดยตลอด ด้านเรื่องความรู้สึกที่มีต่อพระองค์ท่าน ตลอดชีวิตที่ผ่านมาพระองค์ท่านก็ทรงเป็นแบบอย่างและหลายคนก็ทำทุกวันเพื่อพระองค์ท่านอยู่แล้ว ถึงแม้ตอนนี้พระองค์ท่านจะไม่อยู่แล้วแต่ก็ยังคงอยู่ในใจของพวกเรา อยากให้ได้รับรู้ถึงคุณงามความดีที่พระองค์ท่านทรงสร้างไว้ ไม่อยากให้มันสูญหายไป อยากให้รักษาและสานต่อ เหมือนที่พ่อได้สร้างอะไรดีๆ ไว้เยอะแล้ว เราก็ต้องเป็นลูกที่ดีมีหน้าที่ศึกษามันต่อไปและก็ทำให้ดีขึ้น จะได้นำไปบอกเล่าถึงรุ่นลูกรุ่นหลานต่อไปว่าที่เรามีบ้านเมืองร่มเย็นเป็นสุขและอยู่ได้ทุกวันนี้เพราะว่าใครเป็นคนสร้างมา
สำหรับนักร้องราชินีลูกทุ่งอย่าง “สุนารี ราชสีมา” ที่มีน้ำเสียงเป็นเอกลักษณ์ โดย “สุนารี” ถือเป็นคนอีสานโดยแท้ที่ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่9 ที่พระองค์ท่านทรงคิดค้นฝนเทียมเพื่อช่วยเหลือชาวไทยในพื้นที่แห้งแล้ง ซึ่งเจ้าตัวเป็นอีกคนที่ได้ทำเกษตรกรรมที่บ้านเกิดเป็นการหารายได้อีกหนึ่งทาง และเจ้าตัวได้เผยว่า
ความทรงจำและความผูกพันที่มีต่อในหลวงรัชกาลที่ 9 นั้นเยอะแยะมากมายภาพพระราชกรณียกิจที่พระองค์ท่านได้ทำหลายๆภาพหลายๆเรื่องราวทุกๆโครงการในโครงการพระราชดำริมี 4,000 กว่าโครงการมันอยู่ในความทรงจำของเราและเชื่อว่าคนไทยทุกคนก็คงรู้สึกเหมือนๆ กันแต่ว่าในฐานะคนอีสานก็รู้สึกขอบพระคุณพระองค์มากที่ได้ช่วยเมตตาและมีพระกรุณามหาธิคุณให้กับคนอีสานโดยการทำฝนเทียม
ซึ่งในพื้นที่อีสานแห้งแล้งและยากจนมาก ท่านก็ให้ความเมตตาและทำฝนหลวงให้กับพวกเราได้ทำไร่ทำนาได้ สิ่งที่ท่านได้ทำและได้ทิ้งไว้ให้กับคนไทยทุกๆ คน คือต้นแบบที่ดีทุกอย่าง แต่คนเราความสามารถไม่เหมือนกันทักษะทุกอย่างไม่เหมือนกัน เราสามารถหยิบอะไรบางอย่างที่เหมาะสมและลงตัวให้กับเราได้และเราสามารถทำได้ อย่างเราคือการทำเกษตรผสมผสานที่บ้านได้ทำไร่ทำนา และทำการปลูกทุกอย่างไม่ว่าจะผักหรือขุดบ่อเก็บกักน้ำ ทำสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปเพื่อหารายได้ในพื้นที่ของเราเล็กๆ นั้นคือ 1 อย่างที่ได้นำทฎษฎีของพระองค์ท่านมาปรับใช้กับวิถีชีวิตของเรา
อีกสิ่งที่อยากทำให้กับสังคม คือเรื่องของสุนัขจรจัดถึงแม้ว่าวันนี้อาจจะช่วยไม่ได้เยอะ แต่ว่าก็อยากทำ เพราะว่าพระองค์ท่านทรงมีเมตตากับสุนัขจรจัดมากๆ พระองค์ได้ทำเป็นโมเดลเเละตัวอย่างให้พวกเราได้เห็นแล้ว ซึ่งสักวันหนึ่งเราอาจจะมีโอกาสได้ทำมากขึ้นหรือดีขึ้นกว่านี้ ตอนนี้ช่วยได้ตามกำลังของเรา คือการช่วยทำหมันและช่วยสุนัขที่ไม่มีบ้านหรือเจ็บไข้ได้ป่วย บางเคสที่เรารู้สึกว่าเราต้องช่วยเขาไม่งั้นเขาตายแน่ๆ แต่มันก็ช่วยไม่ได้ทั้งหมด ก็ช่วยหาบ้านให้เขาหรือฉีดวัคซีนซึ่งในสิ่งที่ได้ทำมันเป็นรูปธรรม
แม้นางเอกวิกหมอชิต อย่าง “ขวัญ อุษามณี ไวทยานนท์” จะเอ่ยถึงความผูกพันว่าสำหรับตนและในหลวงรัชกาลที่ 9 นั้นห่างไกลกันมาก เพราะไม่เคยมีโอกาสได้ใกล้ชิดหรือเข้าเฝ้าพระองค์ท่าน แต่ “ขวัญ” ก็ได้กลั่นความรู้สึกออกมาจากใจที่มีต่อพระองค์ว่า
ตนรักในหลวงรัชกาลที่ 9 โดยที่ไร้คำใดๆ แม้จะไม่เคยมีโอกาสเข้าเฝ้า แต่รู้สึกว่าท่านอยู่ใกล้ชิดมาก ก่อนนอนก็เจอ ตื่นมาก็เจอ หลับตาก็เจอ หูก็ได้ยิน เหมือนพระองค์ท่านมีความหมายกับตนตั้งแต่เกิด พอโตขึ้นมาก็ได้รับการอบรมจากคุณพ่อคุณแม่ ถูกปลูกฝังจากโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยว่าท่านทำอะไรมาบ้าง ทำให้ตนซึมซับ เรียนรู้ และเข้าใจอย่างกระจ่างว่าทำไมคนไทยและต่างชาติถึงรักพระองค์ท่านเหมือนที่ตนรัก ท่านคือพระราชาที่สามารถทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อประชาชนของตัวเองด้วยตัวเอง ท่านไปทุกที่ ไม่ว่าจะทุรกันดารและอันตรายขนาดไหน หรือว่ามีการขัดแย้งระหว่างกลุ่มคนไหนก็ตาม แต่พระองค์ท่านไปด้วยความรัก และไปแก้ไขเรื่องราวต่างๆ
ฉะนั้นความรักก็เป็นเหมือนสิ่งที่ปกป้องพระองค์ท่านตลอดมา และตนก็จะขอสืบสานตามรอยพระองค์ท่าน ทำตัวในทุกๆ วัน ให้เป็นคนดีและเป็นประโยชน์กับบุคคลรอบข้างและสังคม จะพยายามทำให้มันกว้างและยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แค่นี้ก็จะได้เห็นความสุขจากคนรอบข้างแล้ว ซึ่งการสะสมความดีคือสิ่งที่ตนตั้งใจจะทำให้ดีและเยอะที่สุด เพราะในใจของตนมีท่านเป็นแบบอย่าง
ส่วนคำว่าพอเพียงในความหมายของตนสามารถใช้ได้กับทุกวัยและทุกเรื่อง ไม่จำเป็นต้องเศรษฐกิจอย่างเดียว ยกตัวอย่างง่ายๆ เรื่องของเสื้อผ้า ถ้ามีแบบไหนออกมาใหม่ แต่เป็นแนวที่คล้ายกัน ตนก็เลือกไม่ซื้อแต่จะใส่ของเก่า ไม่ต้องซื้อบ่อยๆ จะได้ไม่สิ้นเปลือง
ถูกครอบครัวปลูกฝั่งมาตั้งแต่วัยเยาว์ในเรื่องความพอเพียงโดยเฉพาะเรื่องการใช้ยาสีฟันของในหลวงรัชกาลที่ 9 ทำเอานางเอกสาวช่อง 3 “ปราง กัญญ์ณรัณ วงศ์ขจรไกล” จดจำไม่มีวันลืม โดยเจ้าตัวได้เผยถึงคำสอนและความรู้สึกที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ผู้ทรงพระราชกรณียกิจมากมายเพื่อคนไทยว่า
สำหรับหลักคำสอนของในหลวงรัชกาลที่ 9 คุณพ่อคุณแม่ของตนปลูกฝั่งมาตั้งแต่เด็กในเรื่องความพอเพียง โดยเฉพาะเรื่องยาสีฟันและการบีบยาสีฟัน ตอนนั้นยาสีฟันหมด ตนก็บอกป๊าว่าต้องไปซื้อใหม่แล้ว เขาก็หันมาพูดว่า “นี่รู้ไหม ในหลวงใช้ยังไง ทำยังไง” แล้วป๊าก็ทำท่าให้ดู อันนั้นจำได้ตั้งแต่เด็ก เป็นสิ่งแรกที่ปลูกฝั่งในใจเกี่ยวกับในหลวง ว่าท่านบีบหลอดยาสีฟันจนหมด ขนาดท่านเป็นในหลวงยังทำอย่างนั้นเลย นี่ของตนยังไม่หมดจะไปซื้อใหม่ได้อย่างไร และที่บ้านก็ยึดหลักพอเพียงมาตลอด สอนให้ยึดหลักความพอเพียงอย่างมีความสุข ตนก็ดีใจที่พ่อแม่ยึดหลักคำสอนของท่าน
ส่วนโครงการพระราชดำริของพระองค์ท่านมีเยอะมาก ตนประทับใจทุกโครงการ แต่ที่ประทับใจอย่างมากคือเห็นท่านได้ออกเดินทางไปตามป่าตามเขา ไปเจอชาวบ้านจริงๆ คือท่านช่วยหมด ไม่ว่าจะเป็นชาวเขาชาวดอยชาวม้ง ท่านไปพัฒนาคุณภาพชีวิตของเขา ให้เลิกปลูกฝิ่น หันมามีอาชีพที่ดีขึ้น และสามารถอยู่ด้วยความพอเพียง และยั่งยืนมาถึงปัจจุบัน