"เคนพอร์ช" ออกมาเปิดใจเคลียร์ดราม่าเกาะกระแส "ญาญ่า" ดัง
หลังจากมีกระแสดราม่าของหนุ่มนักกีฬาฟันดาบอย่าง "เคนพอร์ช" หรือ "พอร์ช สรรเสริญ เงินรุ่งเรืองโรจน์" ที่ถูกโจมตีว่าเกาะกระแส "ญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์" ดัง วันนี้เจ้าตัวก็ขอออกมาเปิดใจเคลียร์ถึงประเด็นนี้ว่า
เกิดมาจากการโพสต์ทวิตเตอร์ขำๆ ไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดประเด็นโยงให้มันเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตได้ ที่เขาตอกกลับบอกไม่รู้จัก ผมเข้าใจเขานะ เพราะเขาเป็นผู้หญิง แล้วเรื่องราวทุกอย่างมันก็เกิดขึ้นมาจากตัวผมที่ผมโพสต์ทวิตเตอร์แบบไม่คิด ก็โทษอะไรเขาไม่ได้ถ้าเขาจะรำคาญผมก็สมควร
ที่บอกว่าเกาะกระแส ถ้าผมอยากดังผมไปเต้นแร้งเต้นกาแป๊บเดียวผมก็ดังแล้ว ผมไม่รู้ว่าผมจะมาเกาะกระแสเพื่ออะไร ผมเป็นนักกีฬาทีมชาติ นักกีฬาใช้ความสามารถ แต่ถ้าผมเป็นดาราผมอาจจะต้องใช้กระแสและความสามารถด้วย ผมว่าผมไม่จำเป็นต้องเกาะกระแส ผมรู้สึกว่าผมไม่รู้ว่าจะได้อะไรจากการเกาะกระแสในครั้งนี้ ผมได้ประโยชน์เหรอ สุดท้ายแล้วผมได้กระแสในทางที่ดีหรือในทางลบ สุดท้ายทุกคนมาด่ามาว่าผม แล้วผมจะเกาะกระแสไปเพื่ออะไร
ผมต้องขอโทษพี่ๆ สื่อด้วยที่ผมออกมาพูดช้า ผมบอกตรงนี้ว่าอย่าไปโทษนักข่าว ถ้าผมออกมาก็ได้ข่าว อย่าไปโทษสื่อมวลชนมาโทษที่ตัวผมได้เลยที่ผมช้าเอง เรื่องที่ไม่ยอมให้สัมภาษณ์เอาตรงๆ ตอนแรกเรื่องเกิดจากที่ผมเป็นใครก็ไม่รู้ โนเนม ผมเชื่อว่าทุกคนก็เคยโพสต์อะไรเล่นๆ กัน ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นครับ ผมโพสต์ออกมาเล่นๆ ขำๆ แต่แจ๊คพอตแตก ผมกลายมาเป็นข่าวได้ อย่างแรกเลยคือผมตกใจ ผมคิดว่าการที่ผมไม่ได้ออกไปทุกอย่างมันคงเงียบ เพราะผมเป็นใครก็ไม่รู้ ผมเลยเลือกที่จะเงียบก่อน
แต่พอสักพักหนึ่ง ผมว่ามันเริ่มมีอะไรมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นคนเข้ามาด่าว่าผมในอินสตาแกรม ด่าไปถึงบุพการี เพื่อนผมเริ่มส่งข้อความมาถามว่ามันเกิดเรื่องราวอย่างนี้ขึ้นได้ยังไง ในตอนนั้นผมซ้อมหนักมาก เราก็มันเกิดอะไรขึ้นวะ สุดท้ายผมก็เลือกที่จะเข้าไปตอบ เข้าไปขอโทษคุณญาญ่าที่ช่อง 3 ก็ไม่ได้ตั้งใจจะดึงเชิงอะไรทั้งนั้น ไม่จำเป็นต้องดึงเชิงเพื่องานอีเว้นท์ ผมไม่รู้ว่าผมจะทำไปเพื่ออะไร ผมไม่ได้ดึงเชิง ผมโฟกัสอย่างอื่นมากกว่า ผมซ้อมด้วย แต่เข้าใจว่าเดี๋ยวเรื่องมันก็คงจะเงียบแต่สุดท้ายมันก็ไม่เงียบ ยังไม่มีโอกาสได้ขอโทษต่อหน้าเลย แต่ว่าได้มีโอกาสเดินไปที่ช่อง 3 ขอโทษเรียบร้อยแล้วด้วยการไปออกรายการ “โหนกระแส” ถ้าเกิดพี่ญาญ่าได้ดูอยู่อยากบอกพี่ญาญ่า อย่ารำคาญผมเลยนะครับ
ผมเองเป็นแค่คนๆ หนึ่ง เราไม่ได้คิดไม่ได้มีเจตนาอะไรร้ายแรงเลยที่จะโพสต์อะไรออกไปแบบนั้น อยากให้ดูที่เจตนาของผมนิดหนึ่ง ผมเป็นแค่คนๆ หนึ่งที่มีคนฟอลโลว์ทวิตเตอร์หลักพัน วันหนึ่งใครจะไปรู้ว่ามันจะเกิดเรื่องราวแบบนี้ได้ เจตนาผมไม่มีเจตนาอะไรจะทำให้เขาเสื่อมเสียเลยแม้แต่นิดเดียว ผมเองก็เป็นแฟนคลับพี่ญาญ่า แล้วก็อยากจะบอกถึงแฟนคลับของณเดชน์-ญาญ่าทุกคนด้วย ผมเองก็เป็นแบบคุณ ผมเป็นเหมือนคุณที่อยู่หนึ่งในนั้น...เนอะ พูดลำบาก
ส่วนที่เราไปเดินสายเยี่ยมสื่อแล้วบอกให้สื่อลบคลิปออกผมไม่ได้พูดให้ลบคลิปนะ วันนั้นมีพี่คนหนึ่งที่ดีลงานกับผมวันที่ 1 เป็นคนที่ส่งงานเดินแบบมาให้ บอกว่าถ้าจะไปหาสื่อ เคนพอร์ช พี่ขอเลย ช่วยไปสื่อกับพี่หน่อย ตอนแรกผมจะไม่ไปด้วยซ้ำเพราะมีประเด็นเยอะแยะมากมาย แล้วผมตอบรับกับผู้ใหญ่ไปแล้วว่าผมจะไปตอบในวันที่ 4 เท่านั้น แต่โอเค
ผมบอกว่าผมจะไปนะ แต่ผมขอพูดในเรื่องของเดินแบบเท่านั้น แต่ในวันที่ผมไปถึงผมพูดเรื่องการเดินแบบจบแล้ว แต่ก็มีเรียกให้ไปสัมภาษณ์ต่อ ผมก็ขอพี่นักข่าวเขาแล้วว่าผมไม่ขอสัมภาษณ์เรื่องประเด็นนะ เราไม่ได้ดีลกันแบบนี้นิ ยังไงผมก็ขอลากลับแล้วกันแต่มันไม่ใช่อย่างนั้นสิ กลายเป็นว่าระหว่างที่ผมพูดอยู่นั้น ผมเห็นว่าที่กล้องมีไฟติดอยู่ ผมรู้แล้วว่ามันมีการบันทึกไว้แล้ว ผมเลยเดินไปหาช่างภาพว่าผมไม่โอเคนะครับถ้าจะให้ผมไปออกในขณะที่ไม่ได้ขออนุญาตผมเลยว่าพี่จะถ่าย ผมสาบานได้ว่าผมพูดแค่นี้จริงๆ ผมก็ไม่รู้ว่าข่าวออกมาได้ไง ที่บอกว่าผมสั่งให้ลบคลิป ผมยืนยันเลยว่าผมไม่ได้พูดว่าลบคลิปด้วยนะครับ แต่พูดว่าถ้ายังไงกรุณาด้วยนะครับ อย่าออกอากาศนะครับ เพราะอันนั้นคือไม่ได้ถ่ายแต่เป็นแอบถ่าย ถูกไหม
ผมแค่เซฟตัวเองไว้ก่อน แต่ผมไม่ชัวร์ว่าแอบหรือไม่แอบ แต่โอเคคืออย่าออก ณ ตรงนั้นดีกว่า มันละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของผม เคลียร์นะครับเรื่องที่ผมปฏิเสธสื่อ จริงๆ แล้วผมไม่ได้ปฏิเสธ กับงานวันนี้ที่ช่างภาพนิ่งมาขอถ่ายรูปแล้วเรายกมือไม่ให้ถ่ายผมมือใหม่มาก ผมเป็นนักกีฬา ไม่เคยเลยที่จะต้องมาให้สัมภาษณ์เยอะขนาดนี้ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นช่างภาพสื่อมวลชน ผมเข้าใจว่าจะต้องมีป้ายผู้สื่อข่าวติดไว้ทุกคน ผมไม่เห็นจริงๆ ยังไงก็ต้องขอโทษทางสื่อมวลชนด้วยที่ผมอาจจะมีกิริยาท่าทางอะไรที่มันไม่ถูกใจ ก็ต้องขอโทษแล้วกันนะครับ (ยกมือไหว้) ครั้งนี้ได้รับบทเรียนเยอะ ต่อไปพูดอะไรก็ต้องคิด ผมคิดว่าผมไม่ได้เป็นใครเลย เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งด้วยซ้ำ การโพสต์ขำๆ ของผมจะกลายเป็นเรื่องราวที่ไปผูกโยงหลายๆ
อย่างกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต ทำให้คนๆ หนึ่งเสียหายได้ ผมอยากให้ทุกคนได้ลองเสพข่าวกันอย่างมีสติก่อน ให้ลองคิดดีๆ ว่าใครเป็นคนจุดชนวนเรื่องนี้ มันใช่ผม 100 เปอร์เซ็นต์จริงหรือเปล่าที่ทำให้เรื่องนี้บานปลายจนมาถึงขนาดนี้ ลองสืบหาต้นสายปลายเหตุกันดีๆ ว่าทำไมมันถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ผมอยากให้เป็นกรณีศึกษาว่าเพราะการแค่ที่คนๆ หนึ่งโพสต์ทวิตเตอร์ ผมว่าไม่ใช่แค่ผมหรอกที่โพสต์แบบนี้ ตอนนี้ผมโฟกัสเรื่องกีฬาฟันดาบมาก เพราะในปีนี้จะมีการคัดเอเชียนเกมส์ ผมตั้งใจไว้ว่าผมอยากจะเป็นคนหนึ่งที่ติดไปแข่งในครั้งนี้ ผมติดทีมชาติอยู่แล้วแต่มันจะมีการเก็บคะแนนกันใหม่ ส่วนเรื่องงานในวงการผมมองว่ามันเป็นโอกาสที่เข้ามาในชีวิต ถ้ามันมีโอกาสที่ดี ใหญ่ และคุ้มค่าที่จะทำ ผมยินดีอยู่แล้ว โอกาสเข้ามาในชีวิตเราใครๆ ก็อยากจะได้รับโอกาสกันทั้งนั้น
เรื่องเกาะกระแสผมตอบไปแล้วว่าผมไม่ได้เกาะกระแสนะก็รับได้ เราไม่สามารถทำให้ใครถูกใจเราได้ 100 เปอร์เซ็นต์ มันเป็นไปไม่ได้ คนเรามันต้องมีทั้งคนชอบและคนไม่ชอบเป็นเรื่องธรรมดา ผมเข้าใจในชีวิตมากกว่า มันเป็นสัจธรรม ใครจะคิดอะไรยังไงมันเป็นเรื่องของเขา เราทำอะไรไม่ได้ เรามีหน้าที่ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด เรื่องทัศนคติของเราต้องปรับมาก ผมว่าผมปรับในระดับที่พอสมควรนะ มีคนเข้ามาคอมเมนต์ในอินสตาแกรมผมเยอะมาก ล้วนแล้วแต่เป็นคำพูดที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ผมไม่ได้ตอบ หรือปฏิเสธอะไรเขาเลย ผมยินดีที่จะรับฟัง ผมเข้าใจว่าตอนนี้ผมอาจจะเป็นคนหนึ่งที่กลายเป็นคนสาธารณะไปแล้วมั้ง เพราะงั้นผมว่าผมเข้าใจ ผมไม่จำเป็นต้องปรับตัวอะไรมาก