ลูกๆ เปิดใจหลัง "พ่อเปี๊ยก" จากไปอย่างกะทันหัน
เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งข่าวเศร้าของวงการบันเทิงไทย หลังเมื่อช่วงเช้ามึดที่ผ่านมาของวันนี้ (4 ธ.ค) ได้มีข่าวการเสียชีวิตของผู้กำกับชื่อดังอย่าง “เปี๊ยก พิศาล อัครเศรณี” คุณพ่อของสาว “อ้อม พิยดา” ที่เสียชีวิตลงอย่างกะทันหันด้วยอาการหัวใจวายในวัย 73 ปี ล่าสุดเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ณ ศาลากลางน้ำ วัดเทพศิรินทราวาส ได้มีพิธีรดน้ำศพ ท่ามกลางบรรยากาศโศกเศร้า โดยล่าสุดลูกๆ ได้เปิดใจถึงเรื่องคุณพ่อว่า
Q:ก่อนท่านไปโรงพยาบาลท่านบ่นว่ามีอาการหายใจไม่ออกแล้วก็ปวดด้านหลัง โดยตอนนั้นมีน้องชายอยู่กับคุณพ่อ
A:พอพ่อบ่นว่าปวดมากก็เลยเรียกรถพยาบาลมารับที่บ้าน แล้วก็ไปที่โรงพยาบาลคุณหมอก็ให้ยาแก้ปวดเบื้องต้น รอดูอาการ แล้วเราก็ติดต่อไปทางคุณหมอที่เคยทำบอลลูนให้พ่อ ก็เลยย้ายไปที่อีกโรงพยาบาล แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น แล้วท่านก็จากไปอย่างสงบครับ
Q:ตอนนั้นคุณหมอไหมว่าอาการเกิดจากอะไร?
A:คุณหมอมาตอนที่อาการเริ่มต้นของคนที่เป็นหัวใจวาย ก็จะมีแน่นหน้าอกหรือเจ็บหลัง แล้วก็เป็นอาการของคนที่เป็นโรคหัวใจล้มเหลว พอตอนหลังหัวใตก็ช็อคไป คุณหมอก็มาช่วยปั้ม
Q:ปั้มอยู่นานไหม ?
A:ปั้มนานค่ะ ปั้มนานมาก ตามหลักการแพทย์ก็ประมาณครึ่งชั่วโมง แต่คุณหมอก็เหมือนรอปาฏิหาริย์ แต่ปั้มจริงๆก็ประมาณ 2 ชั่วโมงกว่า ก็ไม่มีสัญญาณชีพเลย
Q:สุขภาพที่ผ่านมาของอาเปี๊ยกที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้าง?
A:ท่านก็สุขภาพแข็งแรงดีแต่ก็มีเหนื่อย ทำอะไรช่วงหลังๆ ท่านก็เหนื่อย
Q:อาเปี๊ยกมีโรคประจำตัวอะไหม ?
A:คุณพ่อเป็นโรคหัวใจอยู่ก่อนแล้ว เป็นอยู่เส้นครึ่ง ทำบอลลูนไปแล้ว 1 เส้น เหลืออีกครึ่งเส้น ซึ่งคุณหมอบอกว่ายังไม่ต้องทำก็ได้ ทานยาเอา แกก็เลยมีปัญหาตรงนี้ คุณหมอให้คุมอาการ กินยาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่ค่อยได้คุม ก็มีกินนู่นกินนี่บ้าง
Q:ระหว่างส่งตัวไปโรงพยาบาลคุณพ่อได้พูดอะไรไหม?
A:ไม่นะ คือก็ไม่ได้ทันตั้งตัว เร็วมาก เหมือนอาการเริ่มต้นแค่เจ็บหลังนะก็ไม่ได้อะไร สุดท้ายก็พูดกับพี่ชายว่าพ่อหายใจไม่ออกแล้วก็ไปเลย
Q:จริงๆ ท่านมีอาการมานานหรือยัง?
A:มีอาการเมื่อวานเลย
Q:เห็นบอกว่าเหมือนมีการรักษาที่ไม่ถูกต้อง ทำให้คุณพ่อไปเร็วกว่าปกติ?
A:ไม่น่าจะรักษาไม่ถูกวิธีนะคะ ก็คงจะปกติทางการแพทย์ แต่ว่าอาจจะมีสั่งงานอะไรบ้างขลุกขลักตามระบบ เพราะมันดึกแล้ว ไปถึงก็ประมาน 4 ทุ่มกว่า 5 ทุ่ม แต่ทางการแพทย์ก็ช่วยกันอย่างเต็มที่
Q:พี่โอติดใจอะไรไหมคะ?
A:ไม่ได้ติดใจครับ ก็รู้แล้วว่าเขาทำเต็มที่คงไม่มีใครไม่หวังดี ทุกคนก็หวังดีกันหมด แต่ด้วยความที่ฉุกละหุก
Q:ถือว่าเป็นเรื่องกะทันหันสำหรับครอบครัว?
A:กะทันหันมาก เพราะเดินเข้าไปได้ปกติ ไม่ได้ต้องเข็นยังบอกน้องชายเลยว่าให้กลับมาพรุ่งนี้เช้าไม่ต้องเฝ้าหรอกไปเอาเสื้อผ้ามาก่อน คือปกติมากๆ ครับ
Q:แต่ทางพี่หนุ่ม กรรชัย บอกว่าถ้าหมอโรคหัวใจจริงๆ จะต้องรู้ว่าการปวดข้างหลังมาจากโรคหัวใจ?
Aใช่ค่ะ จริงๆ เราอาจจะไปเข้าโรงพยาบาลอีกโรงพยาบาลซึ่งอาจจะยังไม่ได้ทราบสาเหตุขนาดนั้น แต่ก็ไม่ได้ทำให้เป็นอะไร พอเขารู้ก็รีบย้ายโรงพยาบาล พอดีผู้ช่วยพ่อโทรไปปรึกษากับคุณหมอเจ้าของไข้ค่ะ พอรู้เรื่องก็เลยรีบย้ายแต่ตอนนั้นก็ดึกมากแล้ว แต่จริงๆคุณหมอที่ทำบอลลูนให้คุณพ่อก็อยู่เมืองจีน เลยโทรไปเป็นผอ.เก่าของโรงพยาบาล เขาเลยบอกให้ย้ายมาที่นี่ดีกว่า
Q:พี่อ้อมเชื่อไหมคะว่าถ้าไปเจอคุณหมอถูกคนถูกโรค อาจจะไม่เป็นถึงวันนี้?
A:จริงๆ อ้อมว่าตรงนี้เป็นเวลาของพ่อมากกว่า ซึ่งจริงๆเราก็มองแบบเราสูญเสียคุณพ่อไปเราก็อยากจะมองในด้านที่ดีมากกว่า เรียกว่าพ่อไปสบายที่สุดเลย เพราะว่าไม่ได้เจ็บไม่ได้ปวดอะไร เหมือนเบลอๆพ่อหายใจไม่ถนัดนะแล้วก็ไปเลยภายในแปปเดียว
Q:พี่อ้อมก็ไปไม่ทัน?
A:ไม่ทันค่ะ คือไปถึงคือปั้มแล้ว
Q:พี่โอตอนที่อยู่กับคุณพ่อ เขาพยายามจะสื่อสารอะไรไหมคะ?
A:คุณพ่อก็แค่มองหน้าแล้วบอกพ่อหายใจไม่ออกช่วยพ่อหน่อย แค่นั้นครับ นี่คือประโยคสุดท้ายที่พ่อพูด คือหัวใจล้มเหลวไปแล้ว พอหัวใจหยุดการทำงาน หลอดเลือกมันช็อต คุณหมอบอกว่าหลอดเลือดมันตีบฉับพลัน ก็ทำให้ไม่จ่ายเลือดไปในหัวใจ แล้วหัวใจเนี่ยซึ่งพ่อมีปัญหาอยู่แล้ว อย่างที่น้องชายบอกไปเส้นเลือดตีบไปแล้ว1 เส้น แต่ทำไปแล้ว เหลืออีกครึ่งเส้นที่มีผลกระทบกับพ่อ แล้วด้วยอาจจะการกินอาหารอะไรที่ถูกใจ แต่อาจจะไม่ถูกกับร่างกาย ก็ทำให้มีผลกระทบแบบนี้
Q:จากที่คุณพ่อเป็นโรคหัวใจมาระยะหนึ่ง ท่านมีเปรยๆ สั่งเสียอะไรไหม?
A:มีนะ เราก็ตกใจมากอะ อย่างหนังสือที่เราจะแจกตอนเผา พ่อก็ทำมานานแล้ว เป็นหนังสือประวัติเขาเอง
Q:ได้ถามไหมทำไมรีบทำจัง?
A:ตอนนั้น เหมือนเขาอายุเยอะแล้ว เขาก็อยากเขียนประวัติตัวเขาเองประมาณนั้น
Q:มีใครคิดว่าจะเป็นลางอะไรไหม?
A:ก็ไม่ลางนะ มันนานแล้ว แกอยากเขียนรวบรวม โปสเตอร์แก เรื่องราวแก เรื่องลูกแก เรื่องชีวิตของเขา พอทำเสร็จเขาก็บอกน้องอีกคนที่สนิทกับเขา เป็นเลขาเขาว่าหรือเอาอันนี้ไว้แจกตอนงานศพเขาอะไรอย่างนี้
Q:ทำนานรึยัง?
A:นานแล้วค่ะ เป็นปีหลายปีเนอะแต่เขาเพิ่มเริ่มทำตอนนาวา 7 เดือนเอง 5ปีแต่รูปเล่มเพิ่งเสร็จ
Q:ลูกๆ ตั้งรับกับความสูญเสียนี้ยังไงบ้าง?
A:ไม่รู้ว่าต้องตั้งรับยังไงเหมือนกัน
Q:นอกจากหนังสือมีคำสั่งเสียอื่นไหม?
A:ไม่มีเลย จริงๆ แล้วคุณพ่อห่วงลูกทุกคน ลูกทุกคนก็อยู่ในเส้นทางที่ถูกต้องแล้วสบายใจประมาณนึง
Q:มีอะไรที่ค้างคาแล้วลูกๆ สานต่อ?
A:เหมือนจะทำแต่ยังไม่ได้ทำ คือ มีละครที่ยังไม่ได้ออกมีนางฟ้าอสูรที่เขากำกับเองก็มีโปรเจคที่เหมือนแกยังไม่ได้เริ่มแต่เขาก็พูดกับอ้อมอยู่นะล่าสุดถ้าเหนื่อยแล้วเราอยู่สบายๆ ดีกว่า
Q:คุณพ่อสอนอะไรหรืออะไรที่ทำให้นึกถึง?
A:สอนตลอดว่าให้เราตรงเวลาและอดทนเพราะคุณพ่อเป็นคนที่น้ำอดน้ำทนมันก็มีทั้งข้อดีข้อเสียอย่างคุณพ่อเนี่ยเขาไม่เจ็บจริงๆเขาจะไม่บ่นไม่ปริปากไม่อะไรทั้งนั้นมีน้ำอดน้ำทนที่สูงมากบางทีมันทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่แล้วไปไม่ทัน เขาเป็นแบบนี้จริงๆ แต่เขาเคยพูดกับอ้อมนะว่าไม่ต้องห่วงนะถ้าเวลาพ่อไป พ่อจะไม่ให้ลูกลำบาก พ่อจะไปพ่อจะตายๆไปเลยเเบบเนี่ย
Q:พ่อมีห่วงอะไรไหม?
A:คิดว่าไม่น่ามีแล้วเพราะช่วงหลังแค่อาจจะเหงาๆ หน่อยลูกๆ ก็กระจายกันทำงานไม่ค่อยได้รวมตัวกันเท่าไหร่จะมีน้องชายอยู่กับพ่อเยอะสุด
Q:สิ่งที่พ่อสอน?
A:ใครที่ดีกับเราเราก็ดีด้วยไม่เกี่ยวกับฐานะดูที่นิสัยเป็นหลัก
Q:ตอนนี้มีพี่อ้อมกับพี่โอที่ทำงานวงการบันเทิง?
A:ผมก็ค่อนข้างออกมาทำธุรกิจส่วนตัวแล้วก็มีพี่อ้อมที่อยู่
อ้อม : ก็สานต่อไปค่ะก็ยังทำงานตรงนี้อยู่เป็นผู้จัดอยู่แล้วก็ยังเป็นนักแสดงอยู่
Q:มีอะไรอยากจะบอกคุณพ่อ?
A:พวกเราทุกคนจะเป็นเด็กดีคุณพ่อสอนเรา อยากให้พ่อหลับให้สบายไม่ต้องห่วงพวกเรารักกันพวกเราดูแลกันและกันต่อไปแล้วก็เราดูแลกันอยู่แล้วและเป็นคนดีอย่างที่คุณพ่อสอนเรา
Q:กำหนดการหลังจากนี้?
A:เดี๋ยวดูอีกทีว่าจะยังไง เราคุยกันแค่วันสวดเสร็จวันสุดท้ายและเดี๋ยวดูอีกทีว่าจะเผาวันไหนจะแจ้งให้ทราบอีกที