“เซฟฟานี่” เผยยังเคลียร์คดีกรณีคุณพ่อ ประสบอุบัติเหตุถูกรถชนไม่จบ
ยังคงเคลียร์คดีกรณีคุณพ่อ "รูเปียส อาวะนิค" ประสบอุบัติเหตุถูกรถชนที่พัทยา อาการค่อนข้างสาหัส ไม่จบไม่สิ้นซะที สำหรับ “เซฟ เซฟฟานี่ อาวะนิค” ล่าสุดเจ้าตัวก็ออกมาเผยเรื่องนี้ พร้อมบอกความรู้สึกหลังได้ร่วมงานกับ "เวียร์ ศุกลวัฒน์ คณารศ" ว่า
เป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมงานกับพี่เขาในเรื่อง "ผู้บ่าวอินดี้ ยาหยีอินเตอร์" และได้เล่นละครแนวคอมเมดี้ด้วย เป็นละครที่น่าสนใจ คาแรกเตอร์ก็จะเปลี่ยนไปจากที่เล่น แต่ก็ดี เพราะชอบเปลี่ยนแนวละครไปเรื่อยๆ เป็นอะไรที่สนุก และยังได้เล่นกับพระเอกเบอร์หนึ่งของช่องด้วย ก็รู้สึกดีใจ โดยทางพี่เขาจะคอยช่วยในเรื่องบทบ้าง อย่างช่วงกลางๆ ท้ายๆ ของเรื่องเราจะต้องพูดภาษาอีสาน พี่เขาจะคอยช่วยสอนพูด ถือว่าได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจากคนที่มีประสบการณ์ในด้านการแสดง
กับเรื่องการร้องเพลงก็ไม่มี จะเป็นตัวละครอื่นที่ร้องมากกว่า บทของเราจะเป็นคุณหนูไฮโซที่ถูกเลี้ยงมาแบบผิดๆ เลยเอาแต่ใจตัวเอง เจออะไรนิดหน่อยก็เหวี่ยงวีนตลอด แต่ที่ทำเพราะมีเหตุการณ์ คือสูญเสียสมบัติทุกอย่างที่มีเลยทำให้ถูกบีบ ต้องไปอยู่ที่ต่างจังหวัด พอมาอยู่ก็ต้องปรับเปลี่ยนใช้ชีวิตแบบพอเพียง ซื่งจะมีทางพระเอกคอยช่วยปรับเปลี่ยนนิสัยให้กลายมาเป็นคนดี ทุกคนเอ็นดูและรักในที่สุด ซึ่งละครเรื่องนี้จะมีครบทุกแนว ช่วงแรกจะมีดราม่าก่อน แต่จะค่อยๆ สร้างเรื่องขึ้นมาเป็นคอมเมดี้ จากนั้นก็จะเป็นแบบโรแมนติก รับรองมีครบทุกรส
ถามว่าแอบหวั่นไหมถ้าละครออนแอร์แล้วถูกจับเป็นคู่จิ้นกับ "เวียร์ ศุกลวัฒน์" อาจจะทำให้มีดราม่า เพราะเขามีหวานใจอยู่แล้ว ก็ไม่ได้หวั่นอะไรเพราะมันเป็นละคร คิดว่าคงแยกแยะกันออก และคาแรกเตอร์ในเรื่องคือ "ทศพล" กับ "ชโลธร" ไม่ใช่เป็นเรากับพี่เขา และอีกอย่างมันเป็นแค่การแสดง ยังไงก็ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ถ้ามัวแต่กลัวการแสดงก็จะออกมาไม่ดี ขำๆ จะโดนคนอื่นว่าเอาได้ ด้านผลงานเรื่องอื่นตอนนี้ยังไม่มี เพราะปีที่แล้วรับงานค่อนข้างเยอะเลยขอพักก่อน
ส่วนอาการของคุณพ่อ "รูเปียส อาวะนิค" จากอุบัติเหตุถูกรถชนก็ยังรักษาตัวอยู่ เพราะอย่างที่รู้กันว่าท่านบาดเจ็บค่อนข้างหนัก โดยตอนนี้ท่านได้กลับไปประเทศออสเตรียแล้ว แต่ยังคงต้องทำกายภาพและรอผ่าตัดใหญ่ที่หัวเข่าอยู่ เนื่องจากหัวเข่าถูกล็อกไว้ ท่านก็ต้องดูแลตัวเอง เพราะที่โน่นไม่มีใครดูแล และคุณย่าก็เพิ่งเสียไปเมื่อ 4-5 เดือนที่แล้วด้วย ที่คุณพ่อกลับไปตอนแรกก็คิดว่าจะกลับไปหาคุณย่า แต่พอท่านเสียเลยต้องกลับไปจัดการเรื่องงานศพและเรื่องบ้านด้วย รับปีที่แล้วครอบครัวเราเจอปัญหาค่อนข้างหนัก แต่ตอนนี้ทุกอย่างเริ่มดีขึ้นแล้ว และหากคุณพ่อผ่าตัดเสร็จเมื่อไหร่คงจะกลับมาที่ประเทศไทย รับเป็นห่วงท่าน เพราะอยู่คนเดียวที่ออสเตรีย กลัวจะลื่นล้ม เพราะเคยเกิดเหตุการณ์ตอนที่ท่านอยู่พัทยากับคุณแม่แล้วลื่นล้มในห้องน้ำ ทำให้รู้สึกเป็นห่วงไม่น้อย และขาท่านยังใช้ไม่ได้เต็มร้อย แต่สามารถพยุงช่วยเหลือตัวเองอย่างอื่นได้อยู่
ส่วนตัวจะบินไปหาท่านไหม ก็ต้องดูก่อน ยังติดถ่ายละครอยู่ แต่ถ้าคุณพ่อยังไม่ได้ผ่าตัดหรือรอการผ่าตัดอีกนานหากเราถ่ายละครเสร็จจะบินไปหา
สำหรับเรื่องคดีกับคู่กรณีตอนนี้ยังไม่จบ ยังต้องขึ้นศาลกันอยู่ คงต้องดำเนินไปตามขั้นตอนของศาลและกฎหมาย เราก็ยังตามคดีอยู่ ล่าสุดก็เพิ่งไปมา เดี๋ยวต้องรอไปอัพเดทอีกทีหนึ่ง โดยทางเราได้ส่งให้ทนายเป็นตัวแทนไปเพราะคุณพ่อไม่สามารถไปเองได้ ดูเหมือนตอนนี้ให้เป็นเรื่องของทนายทั้ง 2 ฝ่ายจัดการ และอาจจะไม่ยุ่งอะไรมากแล้ว เพราะคดีค่อนข้างใหญ่ คงต้องรอลุ้นว่าสุดท้ายแล้วคดีจะถูกตัดสินจบออกมาเป็นยังไง