"ริท" โต้น้อยใจ "จียอน" หลังคอมเมนต์แซวกันกลางไอจี ลั่นตอนนี้หัวใจยังโสด
ทำเอาชาวเน็ตอดสงสัยไม่ได้ว่าเกิดอาการงอนกันหรือเปล่าระหว่างสาว "ซอ จียอน" หวานใจของหนุ่ม "ฮั่น อิสริยะ ภัทรมานพ" กับหนุ่ม "ริท เรืองฤทธิ์ ศิริพานิช" ที่ฝ่ายหญิงเข้ามาคอมเมนต์ใต้ภาพที่หนุ่ม “ริท” มีสำลีแปะหัวว่า "มูมู่เจ็บมากมั้ยคะ" ซึ่งทางด้านหนุ่ม "ริท" ก็ตอบกลับไปว่า "ไม่เจ็บเท่าเทอมีคนอื่น" งานนี้เล่นเอาแฟนคลับเข้ามาคอมเมนต์แซวกันอย่างมาก ล่าสุดมีโอกาสเจอตัวหนุ่ม “ริท” เลยไม่พลาดที่จะถามเรื่องนี้สักหน่อย
จริงๆ ไม่มีอะไรเลยเป็นการแซวเล่นเฉยๆ คือเรากับจียอนค่อนข้างสนิทกันและคุยเล่นกันได้ก็เลยแซวเล่นนิดหนึ่ง แต่ไม่ได้มีเนื้อหาสาระหรือคิดแค้นอะไรเลย ตั้งแต่จียอนเปิดตัวคบกับฮั่นความสนิทของเราก็ไม่ได้ลดลง เพราะเรากับเขาเจอกันเป็นวาระอยู่แล้ว ว่างๆ ก็นัดทานข้าวกันหรือนัดเจอกันอยู่แล้ว และพอเขามีพี่ฮั่นก็ไม่ได้หายออกไปจากชีวิตเราแบบนั้น เพราะมันเป็นสิทธิ์ของเขา เขาเป็นแฟนกันมันก็ไม่แปลกอยู่แล้ว ซึ่งเราเองก็ไม่ได้น้อยใจหรือจะเลิกคบอะไรและก็ไม่ได้อกหักด้วย เราก็ยินดีกับเขาทั้งสองคนแค่ช่วงที่เขาคบกันเราไม่รู้แค่นั้นเอง แต่มันก็ไม่ใช่ความผิดของเขาที่ต้องมาคอยบอกเราเลยไม่ได้ซีเรียสอะไรเรื่องนี้
ริทกับจียอนช่วงนี้ไม่ค่อยได้คุยกันมีแค่แซวกันเล่นๆ ส่วนกับพี่ฮั่นก็แซวเล่นๆ เรารู้จักกับทั้งคู่ก็ขอแสดงความยินดีด้วย เหมือนทั้งคู่ลงเรือลำเดียวกันแล้วก็อยากให้ไปด้วยกันได้ดี ไม่อยากให้มีปัญหาหรือมีอะไรที่ไม่ดีต่อกัน
เรื่องหัวใจของตัวเองตอนนี้ก็ยังโสดและไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้ก็ปล่อยเลยตามเลยไป เพราะยังต้องเรียนและทำงานอยู่ ถามว่าเหงาไหมก็มีบ้าง นานๆ ครั้ง เช่น บางครั้งก็อยากไปดูหนัง อยากมีคนไปกินข้าวด้วยบ้าง แต่ความรู้สึกนี้ไม่ได้มีบ่อย เพราะตัวเรายังยุ่งเรื่องงานและเรื่องเรียน
พร้อมอัพเดทงานช่วงนี้ก็จะมีภาพยนตร์เรื่อง “สี้น 3 ต่อน” เป็นการร่วมมือของ M Picture และ บั้งไฟฟิล์มกำกับโดย "หม่ำ จ๊กมก" ซึ่งจะฉายในวันที่ 28 มีนาคม ที่จะถึงนี้ ภาพยนตร์เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องแรกที่ได้เล่นบวกกับความเป็นอีสาน พอทีมงานติดต่อมาก็โอเคเลยอยากรู้ว่าจะเป็นยังไง เพราะคาแรกเตอร์เราก็คอมเมดี้แนวเดียวกับหนังเรื่องนี้อยู่แล้ว ผมเคยติดตามผลงานพี่หม่ำตั้งแต่เรื่อง “แหยม ยโสธร” และที่ผ่านมาก็ติดตามมาเรื่อยๆ พอทีมงานติดต่อมาก็รู้สึกดีใจ ตอนแรกก็แอบงง เพราะริทเองไม่ได้มีผลงานทางหน้าจอมานาน และเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่เข้ามา เลยรู้สึกงงว่าเขาต้องการอะไรจากตัวเราหรือเปล่า แต่พอรู้โจทย์ว่าเป็นภาพยนตร์อีสานคอมเมดี้ก็เลยเข้าใจว่ามันตรงกับคาแรกเตอร์เรา
ความยากง่ายของภาพยนตร์เรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องการแสดง เพราะเราห่างจากการแสดงมานาน เพราะฉะนั้นก็ต้องมารื้อฟื้นใหม่ แต่ถามยากไปเลยไหมก็ไม่ได้ยาก อย่างที่บอกว่าเรื่องนี้เป็นแนวคอมเมดี้มันก็ค่อนข้างที่จะตรงตัวเองและเป็นตัวเองได้ แต่เรื่องภาษาอีสานไม่น่าเป็นห่วง เพราะเราเป็นคนอีสานอยู่แล้ว และพี่หม่ำเองก็เป็นคนที่รับฟังเสมอ เช่น เราเสนอว่าอยากเล่นมุกนี้ได้ไหม พี่เขาก็ฟังและก็มาปรับกับสิ่งที่เราจะเล่นว่าอันนี้มันดีหรือมันไม่ดียังไง