"ณัฐ ศักดาทร" ค้นพบการวิ่งคือแรงผลักดันในชีวิต
เป็นอีกหนึ่งคนที่ชื่นชอบการวิ่งเป็นชีวิตจิตใจ สำหรับนักร้องหนุ่ม "ณัฐ ศักดาทร" ที่ตอนนี้เป็นนักวิ่งเต็มตัวแต่ก็ไม่ทิ้งการเป็นนักร้องที่ตัวเองถนัด มีโอกาสเจอหนุ่ม "ณัฐ" เลยเปิดใจว่า
อ่านข่าวต่อ :
เปิดเคล็ดลับ “ณัฐ ศักดาทร” ดูแลหุ่นยังไงให้ เป๊ะ ปัง!
จะเป็นนักวิ่งเต็มตัวเลยไหม คงไม่ขนาดนั้นครับ ถ้าเป็นนักวิ่งเต็มตัวก็ต้องซ้อมทุกวันครับ คือพวกนั้นร่างกายเขาแข็งแรงกว่าเราเยอะเลยครับ เราอาจจะดูแข็งแรงในระดับที่เราทำอาชีพบันเทิงไปด้วยและออกกำลังกายด้วย แต่จริงๆ ระดับที่เป็นนักกีฬาจริงๆ โอ้ อีกระดับเลยครับ
ทำไมถึงเลือกวิ่ง จริงๆ แล้วมันมาจากการออกกำลังกายแล้วน้องเทรนเนอร์คนหนึ่งชวนไปวิ่งครับ เมื่อก่อนเราเป็นคนไม่มั่นใจตัวเอง เรื่องกีฬา แล้วเรามีความรู้สึกอยากลองดูสักครั้ง แล้วพอเราทำได้มันแบบว่า เฮ้ย ทำได้นี่หว่า แล้วมันเกิดความฮึด ความสนุกในการเอาชนะตัวเอง แล้วเราก็ทำมาเรื่อยๆ เหมือนเราเสพติดการเอาชนะตัวเอง การอัพเลเวลตัวเองมาเรื่อยๆ จนตอนนี้ปีที่ 5 ที่ 6 แล้ว ยิ่งเราลงลึกเท่าไรเรายิ่งเจอรายละเอียดมากขึ้น อย่างเรื่องวิ่งเราจะพบเทคนิคต่างๆ มากขึ้น สนามใหม่ๆ ที่น่าไปลอง ระยะใหม่ๆ สถิติใหม่ๆ ที่เราอยากจะทำให้ได้
เรียกว่าเสพติดการวิ่งไหม คืออาจจะไม่ถึงขนาดนั้น แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่เสพติดคงเป็นความรู้สึกแบบ เราอยากทำชีวิตไปข้างหน้าเรื่อยๆ คือการวิ่งทำให้เรากลายเป็นคนแบบนั้นครับ ทำให้คนเป็นเหมือนไม่อยากให้ชีวิตเราอยู่กับที่ พอได้วิ่งปุ๊บมันก็รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ทำให้เราแข็งแรงขึ้น เราสุขภาพดีขึ้น รวมไปถึงเราทำงาน เราก็จะรู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน เราต้องพัฒนาในเรื่องงานของเราเหมือนกับที่เราพัฒนาเรื่องการวิ่งของเรา
มีเป้าหมายไหม เมื่อก่อนวิ่ง 10 โล มินิมาราธอน แล้วไม่เคยคิดว่าจะมาวิ่ง 21 หรือ 42 ตอนนั้นแค่อยาก 10 โลให้เวลาดีขึ้นเรื่อยๆ แล้วพอมันทำได้อยู่ๆ เพื่อนรอบข้างก็ไป 21 และเราก็อ้าวไม่ได้แล้วต้องไปบ้างอะไรอย่างเนี้ย พอเรา 21 เสร็จ เราก็คิดฟูลมาราธอนเหรอ ไม่เอาหรอกเราขี้เกียจ ไปๆ มาๆ ไปอีก พอมันอยู่ในกระแสของคนที่วิ่งมันเหมือนมีแรงผลักดันไปข้างหน้าด้วยกัน เหมือนเราอัพเลเวลตัวเองโดยไม่รู้ตัว คือบางทีเป้าหมายค่อยๆ มาเอง ไม่ได้ตั้งไว้แต่แรก
ได้มีการชวนเพื่อนมาวิ่งไหม จริงๆ ก็เพื่อนๆ คนรอบข้างครับ เหตุผลที่วิ่งคือ เมื่อก่อนช่วงแรกๆ เราวิ่งเราชอบที่สุขภาพดี ร่างกายแข็งแรงขึ้น มีบอดี้ที่สตรองขึ้น แต่ไปๆ มาๆ ที่เราทำอัพเรื่องราวลงโซเชียล อัพรูปเรื่อยๆ อะครับ มีสิ่งหนึ่งที่เห็นได้ว่ามีคนเริ่มรับแมสเสจจากเราไปมากขึ้น และไปทำตาม ไปลองวิ่ง ลองเอาชนะตัวเอง ลองออกกำลังกายอาจไม่ต้องวิ่งก็ได้ มันเป็นเหตุผลหนึ่งที่ผมรู้สึกว่า ผมต้อง keep up ตรงนี้ไว้ ต้องทำตรงนี้ต่อไปเรื่อยๆ มันมีผลกับคนอื่นด้วยที่ติดตามเรา มันเป็นสิ่งที่ดี เป็นพลังบวกที่เราส่งต่อได้
สถานที่ที่อากาศดี มันจะทำให้เราวิ่งได้ดีขึ้น อย่างผมวิ่งมาราธอนมาประมาณ 7 สนาม สนามญี่ปุ่นที่ผมไปวิ่ง ผมทำเวลาได้ดีกว่าที่เมืองไทย อากาศดีกว่า บรรยากาศข้างทาง คนเชียร์ เขาเตรียมงานนี้นานกว่าเรา มันก็มีผลแหละ แต่ไม่อยากให้รู้สึกว่า วิ่งเมืองไทยไม่ได้ จริงๆ วิ่งที่ไหนก็ได้
ไม่ทิ้งเรื่องร้องเพลงเนอะ ไม่ทิ้งครับ เพิ่งปล่อยออกมาเอง ชื่อเพลง "ฉันเห็น" ดีครับ ล่าสุดเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ก็เป็นอันดับ 1 ในกรุงเทพฯ หรือปริมณฑล คือเดี๋ยวนี้คนคนหนึ่งสามารถทำได้หลากหลายอย่าง
