เปิดห้องนอนสีขาว ของ “จุ๋ม นุสรา”

เปิดห้องนอนสีขาว ของ “จุ๋ม นุสรา”

               27 ต.ค. ถือว่าเป็นวันที่ครบ 1 ปีของเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ของ “เจ้าสัววิชัย” คิง เพาเวอร์ ตกที่ประเทศอังกฤษ โดยมีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 5 คน และถือว่าเป็นวาระครบ 1 ปีที่ “จุ๋ม นุสรา สุขหน้าไม้” เสียชีวิตด้วย และคงจะเงียบหายไปหากครอบครัวของ "จุ๋ม นุสรา" ไม่ไปร้องขอสถานทูตอังกฤษ เพื่อขอทรัพย์สินของลูกสาวคืน รวมทั้งการตั้งทนายฟ้อง คิง เพาเวอร์ ในฐานะนายจ้างของ "จุ๋ม นุสรา" เพื่อเรียกค่าเสียหาย 300 ล้าน

               เสียงสุดท้ายจากลูกสาว “วีรโรจน์ สุขหน้าไม้” พ่อของ จุ๋ม นุสรา เผยแก่ “ดาราเดลี่” ย้อนเล่าเรื่องการจากไปของ “จุ๋ม” ให้ฟังว่า “จุ๋ม” เริ่มมีชื่อเสียงจากละครเรื่อง “ชุมแพ, ทอง 9” ซึ่ง “น้องจุ๋ม” มีเงินทองเขาก็เก็บไว้ เขาเป็นเสาหลักครอบครัว จากนั้นเขาก็ไปทำงานที่คิง เพาเวอร์ ก็ดี ไปอยู่ 4 ปี เขาดูแลเรื่องการเงิน จัดการทั้งหมด แล้วเวลาไปทำงานอังกฤษ กลับมาก็พาพ่อแม่ไปกินอาหารญี่ปุ่นตลอด ก่อนเกิดเหตุเฮลิคิปเตอร์ตก ผมนอนที่บ้าน ก็แว่วๆ ได้ยินเสียงพระสวด 2 คืน ก็คิดว่าเป็นของวัดธรรมกายเขา ก็มาดูว่าวัดก็เลิกสวดไปนานแล้ว ใช่เลย 2 คืนซ้อน

               ด้าน “นางสำเริง สุขหน้าไม้” แม่นุสรา เผย ละครเรื่องแรก “ปิ่นมุก” ละครเรื่องแรกได้เงินมา น้องซื้อเสื้อผ้าให้แม่ ตอนที่ไปทำงานอังกฤษ “จุ๋ม” ซื้อกระเป๋า รองเท้า เสื้อ ซื้อมาให้แม่ ก็ทำงานปกติ จำได้ว่าวันเกิดเหตุ “จุ๋ม” โทรมาหาพี่สาวว่าเสร็จงานแล้ว จะกลับแล้ว กำลังจะออกจากสนามบอล จากนั้นก็เงียบไป ทีแรกเขาก็โทรมา ขาดการติดต่อ ได้ข่าวก็ 2 ทุ่ม แม่ได้เห็นเฮลิคอปเตอร์ก็จำได้ ข่าวออกแม่ก็ล้มอยู่ตรงนี้ “แม่สำเริง” ยังได้เปิดห้องนอนของ “จุ๋ม นุสรา” ให้ชมหลังจากปิดมา 1 ปีเต็ม และเผยว่า ไม่ได้ให้ใครมาใช้เลย ห้องยังเหมือนเดิม ที่นอน เสื้อผ้า วางไว้เหมือนเดิม แม่ไม่เจอเขาเลยนะ ไม่มีแม้แต้เสียงกลางคืน เงียบมาก เขาไม่กลับมาหาที่บ้านเลย

               1 ปีของความโดดเดี่ยว ด้าน “บวรกิตติ์ สันทัด” ทนายความครอบครัว นุสรา เผยว่า เราเรียกร้องไปทางศาลแรงงานแล้วแต่ไม่ได้ผล เราจึงฟ้องแพ่ง เพราะกองทุนทดแทนปฏิเสธที่จะจ่ายชดเชยกรณี “จุ๋ม นุสรา” ส่วนกรณีฐานะที่เขาเป็นพนักงาน เสียชีวิตในการทำงาน เราก็อุทธรณ์กองทุนทดแทน ช่องทางแรงงานก็ต้องรอผลอุทธรณ์ก่อน ถ้าผลรับไม่ได้ก็จะฟ้องต่อศาลแรงงานต่อไป

               เขาเผยอีกว่า สำหรับคดีละเมิดมีอายุความ 1 ปีจากวันเกิดเหตุ ถ้าฟ้องช้าสิทธิต่างๆ จะสิ้นไปทันที เราก็รอทางคิง เพาเวอร์ หรือผู้ที่เกี่ยวข้อง ปรากฏว่าไม่ได้รับการติดต่อหรือการเจรจา แต่มีท่าทีที่ไม่สามารถจบด้วยดี ก็ต้องฟ้องคดีละเมิด

               ข้อเสนอ 2 ครั้ง จากคิง เพาเวอร์ อ่านดูแล้วไม่เป็นธรรมต่อครอบครัวนุสราเลย ข้อเสนอที่ยื่นมาไม่ตั้งโต๊ะเจรจาเอาข้อเท็จจริง เช่น ข้อมูล กรมธรรม์ไม่เห็น เราทำหนังสือถึงคิง เพาเวอร์ เขาก็ให้ครอบครัวไปติดต่อสำนักกฎหมายของสิงคโปร์ ที่ดูแลประกันเฮลิคอปเตอร์ พอไปติดต่อก็ไม่ได้รับความร่วมมือ มีการเสนอให้รับชดเชย 25,000 เหรียญ หรือ 850,000 บาทในครั้งแรก พยายามที่จะปิดกั้นให่พ่อแม่เท่านั้นไปเจรจา พ่อแม่ไม่ได้มีความรู้กฎหมาย หนังสือที่เจรจาก็เป็นหนังสือภาษาอังกฤษหมด แล้วให้ครอบครัวสละสิทธิ์ที่เราเรียกร้องหมด แต่ให้คิง เพาเวอร์ ไปดำเนินการแทน ข้อมูลอะไรก็ไม่ให้เราเลย

               เขาเผยอีกว่า เราจึงฟ้องแพ่งเพราะไม่ได้รับความเป็นธรรมเลย พอเห็นตัวเลขนี้จะให้แต่พ่อแม่เข้าไปเจรจา แต่อาแท้ๆ ก็เป็นนักฎหมายก็ไม่ให้ไปเจรจา มีการปิดกั้น ส่วนตัวเลขชดเชยครั้งที่ 2 นี่อุบัติเหตุที่เกิดจากเฮลิคอปเตอร์ตกเลยนะ ควรคำนึงถึงการจ่ายเยียวยา เครื่องตกที่อังกฤษ เจ้าของเป็นคนไทย แต่จดทะเบียนที่อังกฤษ เจ้าของก็ต้องควรมาดูแลตรงนี้ด้วย