“โน้ส อุดม” ชวนคนไทยส่งต่อน้ำใจเล็กๆ เพื่อการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
“เราอยากที่จะ ก้าว ไปให้ถึงที่สุด เท่าที่พลังของเราและทุกๆ คนจะมี เพื่อแสดงให้ทุกคนเห็นว่า... แค่ก้าวเล็กๆ จากทุกคน เมื่อรวมกันแล้ว...มันจะสามารถกลายเป็น “ก้าวยาวๆ” ขึ้นมาได้จริงๆ”
อ่านข่าวต่อ : “อากู๋” ส่ง “ฟ้าใหม่” ปล่อยเซอร์ไพรส์ดึง “โน้ส อุดม” ลงละครเรื่องแรกในชีวิต
หนึ่งประโยคที่กลั่นออกมาจากความรู้สึกผู้ชายที่ “ตูน อทิวราห์ คงมาลัย” ที่ได้ลุกขึ้นมาสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหญ่ให้แก่สังคมไทย โดยการทำให้คนไทยได้ร่วมพลังใจเป็นหนึ่งเดียวในการร่วมทำความดีเพื่อสังคม กับ โครงการก้าวคนละก้าว ที่รวมทั้งระดมทุนเพื่อช่วยเหลือโรงพยาบาลชุมชน ที่มีความใกล้ชิดกับชุมชนมากที่สุดในภาคต่าง ๆ
เพื่อจะทำให้พวกเราได้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ในการส่งต่อน้ำใจเล็กๆ เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ “ดีขึ้น” กว่าเดิม “โน้ส อุดม แต้พานิช” นักแสดงตลกของเมืองไทย ลงพื้นที่โรงพยาบาลชุมชน ณ ดินแดนห่างไกลในภาคเหนือ อย่าง โรงพยาบาลศรีสังวาลย์ จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งถือเป็นโรงพยาบาลแห่งเดียวของ จังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่รองรับประชากรถึง 282,566 คน เมื่อเจ็บป่วยทุกคนต้องเดินทางมาที่โรงพยาบาลแห่งนี้ซึ่งมีที่เดียวเท่านั้น นั่นจึงเป็นอีกเหตุผลที่ โรงพยาบาลศรีสังวาลย์ จำเป็นที่ต้องได้รับความช่วยเหลือตรงนี้ค่อนข้างมาก
และเมื่อ “โน้ส” อุดม เข้ามาสัมผัสสิ่งที่เห็น คือ ภาพความยากลำบากของการเดินทางมาโรงพยาบาลดินแดนที่ห่างไกล เห็นการทำงานของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล และอุปกรณ์ทางการแพทย์หลายชิ้นที่ทรุดโทรม เหมือนของ “วินเทจ” จนทำให้นักพูดทอล์กโชว์ถึงกับเอ่ยว่า
“เทคโนโลยีตอนนี้จะเคลื่อนไปไกลมาก แต่โรงพยาบาลศรีสังวาลย์ยังอยู่ที่เดิม” อย่าง เตียงตรวจห้องฉุกเฉิน ยังคงใช้งานมานานกว่า 10 ปี พบว่าสภาพทรุดโทรมเสื่อมตามเวลา ใช้เทปพันแล้วพันอีก เพื่อประคับประคองให้เตียงยังคงใช้งานให้นานที่สุด ขณะเดียวกันเครื่อง Radiant warmer สำหรับทารกแรกเกิดวิกฤต ใช้งานมากว่า 25 ปี ตอนนี้ประสิทธิภาพไม่สมบูรณ์เต็มร้อย แน่นอนว่าเมื่อทารกแรกเกิดที่มีอาการวิกฤตนั้น การที่แพทย์จะช่วยทารกให้ผ่านวิกฤตตรงความเป็นความตายตรงนั้นมาได้นั้น ไม่เพียงแค่ทักษะความเชี่ยวชาญของแพทย์ผู้รักษาเท่านั้น แต่อุปกรณ์เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ที่ช่วยรักษาชีวิตพวกเขา ขณะที่ห้อง NICU หรือห้อง ICU ของทารกแรกเกิด โดยเฉพาะทารกที่คลอดก่อนกำหนดต้องอยู่ในห้องนี้กันก่อน และสิ่งที่ต้องการ คือ “การปลอดเชื้อ” ถึงแม้ว่าในตู้อบจะมีตัวกรองก็ตาม แต่ช่วงนี้ภาวะฝุ่น PM 2.0 ที่บางวันวัดได้ถึง 400-500 ที่น่าเป็นห่วงคือในห้องนี้กลับไม่มีเครื่องกรองอากาศเลย ทีมแพทย์ทำได้แค่เอา กระดาษลังมาซีลตามจุดต่างๆ เพื่อกรองฝุ่นจากข้างนอกผ่านเข้ามาในห้องให้น้อยที่สุด”
นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของโรงพยาบาลภาคเหนือ ที่ยังรอคอยการเปลี่ยนแปลง “โน้ส” พร้อมทั้ง ทีมก้าว อยากเชิญชวนให้คนไทยได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งต่อน้ำใจเล็กเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ถึงแม้ว่าเครื่องมือหรืออุปกรณ์ทางการแพทย์จะแพงหลายแสนหลายล้าน แต่ก็คุ้มค่าเพราะอุปกรณ์เหล่านี้ คือ เครื่องที่ช่วยรักษาชีวิตคนให้อยู่ต่อ