แต่พอพูดถึงคําว่า "มวยปล้ำ" ในพื้นที่ประเทศไทยนี้ จะนึกถึงเสียงพากย์ที่สร้างเสียงหัวเราะไปพร้อมกับความรุนแรงของกีฬา อันเป็นเอกลักษณ์คู่กับกีฬาชนิดนี้ เขาคือ "สุวัฒน์ กลิ่นเกษร" หรือเรียกติดปากกันว่า "น้าติง" โดยได้คําว่า "น้า" จากนักพากย์ชื่อดัง "น้าต๋อย เซมเบ้" โดยให้เหตุผลว่า การใช้คําว่า "น้า" เป็นคําที่เรียกกันอย่างติดปาก และไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็จะดูไม่แก่เลย รวมกับคําว่า "ติง" ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชื่อของนักมวยปล้ำชื่อดังที่น้าติงชื่นชอบในขณะนั้น คือ "สติง (Sting)"
ชีวิตของ "น้าติง" ดูเหมือนจะถูกปูให้มาเป็นนักพากย์อย่างแท้จริง ด้วยลักษณะที่ตัวเองนั้นเป็นคนที่พูดเก่ง อารมณ์ดี เฮฮา พอจะไปเล่นกีฬากับกลุ่มเพื่อนๆ ก็ถูกปฏิเสธ พร้อมกับลงความเห็นว่าควรจะให้นั่งอยู่ข้างสนามคอยพากย์จะดีกว่า
เวลากว่า 28 ปีแล้วที่อยู่ในวงการนักพากย์ ความสามารถของ "น้าติง" ไปสะกิดหูของ "คุณแดง-สุรางค์" จึงเชิญไปเป็นผู้พากย์กีฬาเขตของพิษณุโลก ในปี 2527 เป็นปาก 2 ปาก 3 รองลงมา พากย์ได้หมดทุกประเภท แต่ที่ถนัดที่สุดคือวอลเลย์บอล ทํางานได้ประมาณ 4 ปี ก็ย้ายไปอยู่ที่ช่อง 3 ซึ่งเขาจะพากย์แต่กีฬาต่างประเทศ อาทิ มวยโลก บาสเอ็นบีเอ แล้วในที่สุดก็มาลงตัวที่กีฬามวยปล้ำ ด้วยเหตุผลที่ว่าชอบอะไรแปลกๆ จากนั้นก็ย้ายมาช่อง 5 ซึ่งช่วงนั้นมีช่องเคเบิลเปิดใหม่ชื่อว่า IBC คุณบอย-อรรถพล ณ บางช้าง ก็เลยมาชวนไปพากย์ด้วย
การพากย์อะไรแต่ละอย่างนั้น คําว่า "ความสามารถ" คงจะใช้ไม่ได้กับอาชีพนี้ คงจะต้องพึ่งดวงชะตาด้วย เพราะที่ผ่านมาเคยมีอยู่ช่วงหนึ่งที่กีฬามวยปล้ำมีการนํานักพากย์รุ่นใหม่ๆ เข้ามาแทน เชื่อไหมว่า ณ ขณะนั้น ผู้คนต่างไม่ยอมดูมวยปล้ำเพราะคนๆ เดียว ที่ชื่อ "น้าติง"
ทุกวันนี้ "น้าติง" อาศัยอยู่บ้านที่แสนอบอุ่นอย่าง "ทรูวิชั่นส์" มีเอเยนซีมาจ้างให้ ไปพากย์ตามงานต่างๆ ด้วยจํานวนเงินไม่น้อย แต่เขาก็ยังรักและชื่นชอบสถานที่แห่งนี้ ถึงแม้ ว่าผลตอบแทนจะน้อยนิดกว่าข้อเสนอที่ยื่นให้ แต่เขาก็มีความสุขในสิ่งที่ได้ทํา นอกจากนี้ยังมีแฟนคลับเขียนจดหมายมาคุยอยู่เรื่อยๆ เพียงแค่นี้ผู้ชายอารมณ์ดีคนนี้ก็ไม่ขออะไรอีกแล้ว
สุดท้าย "น้าติง" ทิ้งท้ายให้ผู้อ่านดาราเดลี่คิดว่า "ลองคิดดูนะ เมื่อเร็วๆ นี้มีคนติดต่อให้ผมไปพากย์กีฬาเอเชี่ยนเกมส์ที่กวางโจว ซึ่งเป็นมหกรรมกีฬาระดับประเทศ แล้วถ้าผมไปพากย์จะเป็นอย่างไร...คงจะสนุก น่าดู แต่มันไม่ใช่สไตล์ผมน่ะสิ" (หัวเราะ) ♦
