"ตอนเราเป็นเด็ก นิสัยของเราเป็นคนพูดมาก จน แม่บอกว่าตัวเดียเองพูดจนหลับเลย ก็เลยชอบพูดแต่เด็ก ยิ่งตอนอยู่โรงเรียนก็ได้มีโอกาสทํากิจกรรม ด้วยความที่เราชอบพูดก็ขออาจารย์เป็นพิธีกรซะเลย เพราะเรารู้สึกว่าเราชอบพูดชอบอยู่บนเวทีชอบแสดงอะไรพวกนี้ค่ะมันก็เลยอยู่ในสายเลือดค่ะ"
นี่คือจุดเริ่มต้นของนักแสดงและพิธีกรขวัญใจหนุ่มๆ นั่นคือ "นาเดีย นิมิตรวานิช" ด้วยความสดใสของเธอบวกกับความน่ารัก จึงทําให้รายการ ดาวกระจาย ที่ออกอากาศทางโมเดิร์นไนน์ ทีวี นั้นมีเรทติ้งไม่ขี้ริ้วขี้เหล่เลย
"นาเดีย" อยู่ในวงการมานานพอสมควร โดยเธอเล่าครั้งแรกของการเป็นพิธีกรให้ฟังว่า
"งานแรกที่เป็นพิธีกรเหรอคะ ก็จําไม่ได้งานชุมนุมอะไรไม่รู้สักอย่างนึง เหมือนๆ งานปาร์ตี้อะไรอย่างเนี้ยค่ะก็ขึ้นไปยืนเงียบอึ้งก็แบบพูดอะไรไม่ถูก ตื่นเต้น วันนั้นก็กลับไปร้องไห้ ฉันต้องทําไม่ได้แน่ๆ เลย หลังจากนั้นก็รู้สึกว่าเราอยากทําอีก เรายังรู้สึกว่ามันยังติดค้างคาใจว่าเราทําไม่ได้จริงๆ เหรอ ก็เลยมาพยายามใหม่ พอมีโอกาสเข้ามาก็ฝึกฝนมาเรื่อยๆ จนทุกวันนี้ค่ะ"
การทํางานพิธีกรไม่ใช่งานง่ายๆ อย่างที่รู้ๆ กันว่างานพวกนี้เป็นงานที่อาศัยไหวพริบดีเยี่ยม ต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าตลอดเวลา อีกทั้งยังไม่รู้ว่างานข้างหน้าจะออกมาในรูปแบบไหน เพราะตัวพิธีกรเองจะต้องควบคุมทั้งหมดในงานให้ผ่านพ้นไปอย่างเรียบร้อย
"งานพิธีกรนั้นมันต้องแก้ปัญหาต้องตัดสินใจตลอดเวลาแล้วยังรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งนี้ มันทําให้งานมันไทมิ่งนะคะ ทําให้งานนี้มันมีเสน่ห์น่ะค่ะ บางทีเราก็ตลกไปบ้างอะไรบ้างตามเรื่องตามราวหกล้มไปบ้างก็มี ไหลไปเรื่อยค่ะ ประชาชนก็อภัยก็เข้าใจ"
ความภูมิใจก็ย่อมมาพร้อมกับความประมาท แต่ "นาเดีย" เอง มีวิธีการเตือนตัวเองไม่ให้ลุ่มหลงกับสิ่งที่ได้รับไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียงเงินทอง และก็ต้องเข้าใจกับปัจจุบันที่มีพิธีกรหน้าใหม่เข้ามาอยู่เสมอ
"เราพัฒนาตัวเองตลอดเวลาแล้วก็ต้องเป็นกระจกให้ตัวเองตลอดเวลา ดูว่าตอนนี้เราเป็นยังไงเราดีไม่ดียังไง เราควรพัฒนาตรงไหน เราควรจะปรับเพิ่มอะไรยังไง แล้วก็เอา Feed Back ที่มาจากคุณผู้ชมเนี่ยถือว่าเป็นของสําคัญ"
ถึงแม้เวลาจะเปลี่ยนแปลงแต่ความเป็น "นาเดีย" ก็ยัง อยู่ในจอโทรทัศน์บ้านเราอยู่เสมอ ♦
