“หนุ่ม สันติสุข” กลั้นน้ำตาดู “ด้วยเกล้า” เผยปลื้มสุดใจ เป็นหนึ่งในภาพยนตร์เทิดพระเกียรติ
เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมพิเศษ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช โดยปัดฝุ่นภาพยนตร์อันทรงคุณค่าเรื่อง “ด้วยเกล้า” ภาพยนตร์ที่เล่าถึง พระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เกี่ยวกับการปลูกข้าว ชาวนาไทยและโครงการฝนหลวง โดยนำกลับมาฉายในโรงภาพยนตร์อีกครั้ง ซึ่งรายได้ทั้งหมดจากการจัดฉายภาพยนตร์ถวายเป็นพระราชกุศลเพื่อสมทบทุนมูลนิธิฯ สำหรับส่งเสริมและดำเนินงานตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยมีตัวแทนนักแสดง “หนุ่ม สันติสุข พรหมศิริ” และ “ส้ม ธนธรณ์ ฤทธิ์ถกล” ตัวแทนผู้กำกับการแสดง ร่วมงานครั้งนี้ด้วย
เริ่มงานด้วยบรรยากาศแบบเป็นกันเอง โดย คุณเกียรติกมล เอี่ยมพึ่งพร รองกรรมการผู้จัดการ ได้ร่วมพูดคุยกับผู้ชมในโรงภาพยนตร์ พร้อมทั้งเผยความรู้สึกในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ว่า
“มีความตื้นตันใจเป็นอย่างมาก ที่เห็นทุกท่านมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมในวันนี้ ทุกคนล้วนมาด้วยใจจริงๆ ทางไฟว์สตาร์มีความภูมิใจมาก ที่ได้เป็นช่องทางหนึ่งในการเผยแพร่พระราชกรณียกิจที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงทำเพื่อคนไทยให้ประชาชนได้รับรู้ และหวังว่าทุกท่านจะรู้สึกอิ่มใจไปกับการชมภาพยนตร์ ด้วยเกล้า ในครั้งนี้ครับ”
ก่อนที่จะรับชมภาพยนตร์ด้วยความอิ่มเอิบใจ งานนี้ “หนุ่ม สันติสุข พรหมศิริ” ได้เผยความรู้สึกทั้งน้ำตา เรียกได้ว่าเป็นการกล่าวปิดท้ายกิจกรรมที่ทำเอาคนทั้งโรงภาพยนตร์รู้สึกปลาบปลื้มใจไปด้วย
“ขอพูดย้อนไปเมื่อประมาณ 30 ปีที่แล้ว ผมมีโอกาสแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ ในตอนนั้น ยังไม่มีใครนำโครงการในพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาทำเป็นภาพยนตร์เลย ซึ่งผู้กำกับคือ อาบัณฑิต ฤทธิ์ถกล นับเป็นคนแรกที่ทำ เป็นเรื่องเกี่ยวกับฝนหลวง สำคัญคือเป็นภาพยนตร์ที่ได้พระบรมราชานุญาตให้อันเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์ของพระองค์ มากถึง 9 เพลง และผมได้ร่วมเป็นหนึ่งในนักแสดงเรื่องนี้ ถือเป็นโอกาสที่ผมปลื้มใจมาก รู้สึกเป็นเกียรติจริงๆ และดีใจที่วันนี้ทางไฟว์สตาร์ โปรดักชั่น จัดฉายและมอบรายได้ถวายเป็นพระราชกุศล เหมือนได้มาร่วมย้อนความรู้สึก ย้อนบรรยากาศเก่าๆตอนเราถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่กินใจและมันเป็นสิ่งที่สุดจะบรรยาย ได้เห็นพระอัจฉริยภาพของพระองค์ เป็นพระมหากษัตริย์ที่ทำฝนเทียมได้ ท่านเป็นผู้แก้ปัญหา แม้จะเหนือกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ เรื่องนี้เป็นการตอกย้ำถึงคำที่ชาวบ้านเรียกพระองค์ท่านว่า เทวดาเดินดิน ผมรู้สึกได้ว่า ขนาดเราทำงาน เล่นหนังเล่นละครมาเป็นร้อยๆเรื่อง ตลอดระยะเวลาแค่สิบหรือยี่สิบปี ยังรู้สึกเหนื่อยมาก เรามองว่าเราทำงานหนัก แล้วพระองค์ท่านละ ผมเห็นว่าท่านทรงงานตลอด ท่านทำจนมาถึงทุกวันนี้ หนังเรื่องด้วยเกล้า ได้ทำให้คนดูเห็นว่าพระองค์ท่านได้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอันเป็นล้นพ้นอย่างหาที่สุดมิได้ และไม่รู้ว่าอีกกี่ชั่วชีวิตคนจะใช้คุ้มค่ากับสิ่งที่ท่านทรงริเริ่มทำไว้ ผมจึงอยากฝากถึงทุกคนว่า ถวายอาลัยแด่ท่านแล้ว อย่าลืมน้อมนำสิ่งที่ท่านสร้างนำไปใช้ให้เป็นประโยชน์มากที่สุดครับ”