‘ดารา’ กับวัฒนธรรมไทย

‘ดารา’ กับวัฒนธรรมไทย

1

    ก็ไม่อยากคุยอะไรต่อ เพราะหันไปทางไหนไม่ว่าซ้าย-ขวา ได้ยินแต่เขาคุยกันเรื่อง “เหนือเมฆ 2” ที่ถูกสั่ง ถูกถอด ว่า 
เบื้องหลังๆ จริงเกิดจากฝีมือใคร สถานี หรือว่ามือที่มองไม่เห็น

    วันก่อนเห็นข่าวทางหน้าสื่อ “2 นก สามี-ภรรยา” ทั้ง “นก-
ฉัตรชัย” และ “นก-สินจัย” ไปโผล่ที่รัฐสภา ทั้งๆ ที่ในชีวิต 
ไม่ปรารถนาจะไปที่นั่น แต่ก็ต้องไป เมื่อกรรมาธิการคณะหนึ่งเรียกไปสอบถามเพื่อหาความกระจ่าง

   ซึ่ง “2 นก” ก็ตอบได้เท่าที่เป็น นั่นคือ ไม่รู้สาเหตุเพราะอะไร เนื่องจากละครทุกตอนก่อนจะออกฉายส่งให้ กบว. สถานีตรวจสอบละเอียดยิบแม้แต่ 3 ตอนที่เหลือก็ส่งตรวจล่วงหน้าไปแล้ว แต่ก็ไม่วาย
จะถูก “ตัดตอน” จนได้ความชอบ-ไม่ชอบ ของ “คอละคร” บ้านเรา 
หลักใหญ่ใจความไม่ได้ดูเนื้อหาเป็นหลัก แต่จะดูที่พระเอก-นางเอกมากกว่า ใครแสดง?

    ทุกเรื่องจึงพยายามเฟ้นหานักแสดงที่เป็น 
“แม่เหล็ก” มาร่วมงาน จะได้เป็น “นางกวัก” เรียกเรตติ้ง...หรือว่าไม่จริง
“เหนือเมฆ 2” ก็เหมือนกัน ความสําเร็จส่วนหนึ่งมาจากพระเอกที่รับบทโดย “หมาก-ปริญ สุภารัตน์” ซึ่ง ปี 2 ปีนี้ ผลงานเข้าตาคนดูมากเหลือเกิน

    ละครเรื่องก่อน “ปัญญาชนก้นครัว” แม้จะไม่เปรี้ยงเสียงดังเหมือนฟ้าผ่า แต่ก็เป็นละครอีกเรื่องของเขาที่เรตติ้งอยู่ในอันดับต้นๆ ของช่อง 3 ทีเดียวในวงจรชีวิตของคนเรา การที่จะประสบความสําเร็จ ไม่ใช่เกิดจากการได้ “แรงดัน” หรือได้บทดีในการแสดง

    แต่มาจาก “เนื้อนาบุญ” ที่กระทํามาเหมือนกันใครจะว่า “หมาก-ปริญ” เป็นคนยังไงก็ช่าง แต่สําหรับนักแสดง คนนี้ เขามี “หัวใจ” รักวัฒนธรรมไทย ไม่ต่างจากคนรุ่นก่อนครั้งหนึ่ง “ดาราเดลี่” เคยจัดแสดงโขน ที่ศาลาเฉลิมกรุง เพื่อสืบวัฒนธรรมให้คงทนถาวร ตอนนั้น “หมาก-ปริญ” เพิ่งเข้าสู่วงการบันเทิง แต่ไม่เคย “ลืมเงา” ตัวเอง เขาตอบรับที่จะไปดูโขนกับพวกเราอย่างไม่ลังเล

    หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา ชีวิตส่วนตัวและการแสดงพุ่งพรวด จากนักแสดงที่โนเนม กลายเป็นดาราชื่อดังระดับซูเปอร์ สตาร์ ที่คนทั้งประเทศรู้จักยิ่งได้เล่น “เหนือเมฆ 2” ไม่ใช่เฉพาะคนไทยเท่านั้น
ที่รู้จักเขา ต่างชาติต่างภาษายังคุ้นชื่อ เพราะการ “ตัดตอน” ละครเรื่องนี้ สื่อต่างประเทศให้ความสนใจไม่แพ้สื่อไทย

   “ปอ-ทฤษฎี สหวงษ์” เป็นดาราอีกคนที่มี “หัวใจ” รัก และอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย ไม่ต่างจาก “หมาก-ปริญ” ที่ไม่เคยลืม “รากเหง้าไทย”แม้จะมีดารารุ่นใหม่ๆ ตบเท้าเข้าสู่วงการแยะ แต่ไม่ว่า
กาลเวลาจะผันเปลี่ยนไปยังไง “ปอ-ทฤษฎี” ก็ยังมีงานแสดงชุกเหมือนเดิม

    ล่าสุดได้รับเกียรติให้แสดงละครเวทีประวัติศาสตร์เรื่อง 
“นางเสือง” คู่กับ “กรีน-อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล” หรือ “กรีน 
เอเอฟ 5”ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับ ศาลาเฉลิมกรุง และมูลนิธิสวัสดิการนักแสดงอาวุโสจัดขึ้น ที่หอประชุมใหญ่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย

    เริ่มแสดงตั้งแต่วันที่ 17 มกราฯ ที่ผ่านมา ไปจนถึงวันที่ 24 มกราฯ เลยถือโอกาสนี้ชวนคนไทยไปดูกันเยอะๆ เพราะรายได้จากการจัดงาน ทูลเกล้าฯ ถวายโดยเสด็จพระราชกุศลการที่ “ปอ-ทฤษฎี” ได้เล่นละครประวัติศาสตร์เรื่องนี้ จุดเริ่มก็มาจากการ “ดูโขน” ซึ่งเข้าตาผู้หลักผู้ใหญ่ เลยทาบทามให้ร่วมภารกิจที่ถือว่าเป็น “ประวัติศาสตร์ชีวิต” ของ “ปอ-ทฤษฎี” ด้วยเช่นกัน    ดาราคนหนึ่งคนใดจะได้เล่นละครประวัติศาสตร์ ไม่ใช่ว่ามาจากการจับติ้ว แต่เกิดจาก “ใจ” ที่มีให้กับวัฒนธรรมไทยที่แท้จริง

    ดาราคนสุดท้ายที่ผมอยากจะพูดถึง คือ “ณเดชน์ คูกิมิยะ” พระเอกที่ถือว่าพุ่งแรงที่สุดในยุคนี้แม้ “ณเดชน์” จะเป็นลูกครึ่ง ซึ่งดูรูปลักษณ์ข้างนอกคงไม่ประสีประสาอะไรกับวัฒนธรรมไทย แต่ความจริงคือ ไม่จริงตอนที่ “ดาราเดลี่” ชวนไปดูโขน “ณเดชน์” ยังไม่ “โชะ” เหมือนทุกวันนี้ ชื่อเสียงพอคุ้นหูบ้าง แต่ก็ไม่ดังโด่ง

     แต่หลังจากดูโขนจบ...ตอนนี้เป็นไงล่ะ!!1 ชั่วโมงเต็มที่ “ณเดชน์” นั่งจ้องเวทีตาไม่กะพริบ เพื่อไม่ให้พลาดรายละเอียด ไม่มีบ่น ไม่ออกอาการเบื่อ สีหน้าของเขาเปี่ยมด้วยสุขตลอดเวลาดาราวัยรุ่นส่วนใหญ่ อย่าว่าแต่ชวนไปดูโขนเลย แค่ชวนเข้าวัดทําบุญ ยังไม่เอ่ยปากด้วยซ้ำ ส่ายหน้า ก่อนแล้ว

   แต่ถ้าชวนไป กิน ดื่ม ดิ้น ทิ่ม ตํา วิ่งโร่เข้าใส่ทันที ท้ายที่สุดแล้วดาราเหล่านี้ มักจะจบชีวิตการแสดงในช่วงเวลาอันสั้น
เอ้า..ดาราคนไหน อยากมีวิถีชีวิตที่รุ่งโรจน์ ต้องหันมาใส่ใจวัฒนธรรมไทยบ้าง รับรองว่าเปรี้ยงทุกคนครับ!  ♦

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Gallery ที่เกี่ยวข้อง

Comments