วันนี้มีโอกาสเปิดอกแมนๆ พูดถึงเรื่องราวชีวิต ซึ่งบทสัมภาษณ์เหล่านี้มาจากนิตยสาร "แอตติจูด"
"ผมว่าข่าวฉาวมันก็เป็นเหมือนน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่านะ ที่นักข่าวสมัยนี้ต้องเขียนข่าวทํานองนี้ จะโทษใครไม่ได้ มันต้องโทษที่สังคมการรับสื่อ รับอะไรอย่างนี้ ผู้บริโภคเปลี่ยนไป เปลี่ยนไปรับเรื่องอะไรที่นินทา ชอบรับแบบซุบซิบ มักรับเรื่องเมาท์ชาวบ้าน สังคมเปลี่ยนไปทําให้คนมักนินทาเรื่องคนอื่น แต่ลืมเรื่องตัวเอง มัวไปสนใจแต่เรื่องของคนอื่นเขา จริงๆ แล้วมันก็เป็นเรื่องที่สะท้อนออกมา แต่ผมคิดว่าถ้ามันเกิดกับตัวผม ในส่วนตัวผมก็ไม่ค่อยได้สนใจ ผมมองที่ตัวผมเองว่าผมทําดีแล้วหรือเปล่า ถ้าผมทําดีผมก็ไม่สนใจ"
ใครๆ ก็ขนานนามว่าเป็น "ซูเปอร์สตาร์"
"จริงๆ แล้ว หลักๆ เลยผมไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นซูเปอร์สตาร์นะ คิดว่าเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่มีความฝันและก็โชคดีกว่าคนอื่น ที่สามารถไขว่คว้าความฝันมาได้ ผมว่าสิ่งที่ดีมันมีอยู่เยอะแล้ว ส่วนที่ไม่ดีก็เหมือนดาบสองคม อย่าเรียกว่าไม่ดีเลย เรียกว่าหนึ่งไม่มีเวลาให้ตัวเอง ไม่มีความเป็นส่วนตัว เป็นบุคคลของสังคม ชีวิตทุกอย่างทุกคนสามารถรู้ได้หมด มันก็ได้อย่างเสียอย่าง ด้านของเพื่อน มิตรภาพอะไรอย่างนี้ บางทีเพื่อนกับมิตรภาพ และธุรกิจอะไรต่างๆ เนี่ยมันก็แยกกันไม่ออก บางทีก็ระแวงเหมือนกัน เพราะตั้งแต่บวชมา ทําให้แยกแยะคนได้ว่าใครเพื่อนกิน ใครเพื่อนไม่จริงใจ จ้องแต่จะทําร้าย คบเพื่อผลประโยชน์อย่างเดียวเลย ทุกวันนี้รู้ว่าเพื่อนที่ดีมีอยู่จริงๆ บนโลกใบนี้ แต่พอนับแล้วมันน้อยมาก"
ปัจจุบันมีช่วงแห่งความสุขมั้ย
"มีนะ...แต่ผมชอบชีวิตแบบเดิมๆ ในต่างจังหวัดมากกว่า ที่เป็นเด็กธรรมดาคนหนึ่ง เรียน-เล่นอยู่กับครอบครัว ใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายไปวันๆ" ♦