พัฒนาการของ"ญาญ่า"

พัฒนาการของ"ญาญ่า"

1

       นักแสดงทุกคน เล่นเป็น เล่นได้กันทั้งนั้น แต่คนละความหมาย กับคําว่า "พัฒนาการ"...ดาราบางคน ถนัดบทไหนก็จมจ่อมอยู่กับ บทนั้น พอมีบทอื่นให้เล่น ไม่มั่นใจ ไม่กล้าเล่น ขาดทักษะด้านการแสดง แบบนี้เรียกว่า "ไม่มีพัฒนาการ"

ดารายุคใหม่ จะต้องรู้จัก "สร้างพรแสวง" ให้กับตัวเอง...เหมือน "สรยุทธ สุทัศนะจินดา" เคยให้สัมภาษณ์เมื่อ 10 ปีที่แล้ว เขาบอกว่า ไม่ได้มีพรสวรรค์ด้านการเป็นพิธีกรมาก่อน แต่มาจากมี "พรแสวง" มากกว่า

ช่วงที่ "สรยุทธ" ทํางานอยู่กับสถานีโทรทัศน์ไอทีวียุคแรกๆ สิ่ง หนึ่งที่ "สุทธิชัย หยุ่น" หยิบยื่นให้เขาคือ การเป็นพิธีกรข่าวแบบฉายเดี่ยว ร่ายคนเดียวในประเด็นฮอตที่เกิดขึ้นแต่ละวัน ถ้าเป็นคนอื่นคงปฏิเสธ ไม่กล้า ไม่อยากทํา แต่ "สรยุทธ" กระโดดใส่ทันที จนกลายเป็น "เสี่ยยุทธ" พิธีกรข่าวมือ 1 ของเมืองไทยในปัจจุบัน...

"ดารา" ก็เช่นกัน ถ้าตีกรอบตัวเองมากเกินไป ถ้ายังคิดว่าไม่เหมาะ เล่นไม่ได้ สุดท้ายก็ต้อง "ตกงาน"

ยิ่งตอนนี้กรอบของละคร ไม่ได้มีแค่แม่ผัวทะเลาะกับลูกสะใภ้ หรือ ผู้หญิงฉกชิงแย่งผู้ชาย แต่มีหลายมิติ ทั้งละครบู๊ ละครผี ละคร  พีเรียด ฯลฯ

"ญาญ่า-อุรัสยา" เข้าสู่วงการตั้งแต่อายุ 12 ขวบ เป็นพรีเซนเตอร์โฆษณาชิ้นแรก จีนี่ ยังแคร์ โคโลญ จากนั้นอีก 2 ปี เข้าสู่วงการนางแบบ ด้วยการชักนําของ "ตือ-สมบัษร ถิระสาโรช" ก่อนจะเป็นนักแสดงในกลุ่มเพาเวอร์ทรี รุ่น 8

ปัจจุบัน "ญาญ่า" อายุ 18 ปี ช่วงเวลา 6 ปีที่เธอเดินสู่วงการมายา ผ่านการทํางานที่หลากหลาย ไม่เลือก ว่าจะเป็นนางแบบ พรีเซนเตอร์ หรือ นักแสดง เป็นการ "แสวงหาโอกาส" ที่ดีเยี่ยม เมื่อ "โอกาส" มาถึง "ญาญ่า" จะกระโดดเข้าใส่ทันที ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เข้าสู่วงการไม่ถึง 10 ปี แต่สามารถสร้างผลงานได้เข้าตาคนดู คนไม่เลือกงาน ไม่เลือกบท ไม่ปิดกั้นตัวเอง คือเส้นทางที่นําไปสู่ "พัฒนาการ" มาเติมใส่อาชีพตัวเอง ที่ยังมีจุดบกพร่อง แม้ว่าละครเรื่องแรก "เพื่อนซี้ล่องหน" ซึ่งเป็นละครเช้า จะไม่เปรี้ยง แต่นั่นคือ "จุดเริ่ม" ที่ถือเป็น "โอกาส" ในก้าวต่อๆ ไป

"ญาญ่า" มา "โชะ" กับละครเรื่อง "กุหลาบไร้หนาม" ละครหลังข่าว เล่นคู่กับ "พลอย-เฌอมาลย์"...เชื่อมั้ยครับ ว่าเธอตีบทแตก เหมือนกับคนๆ นั้น จนคนดูนึกว่าสิ่งที่เห็นในจอ คือเรื่องจริง ไม่ว่าจะเป็นบทร้องไห้เมื่อถูกกระทํา ก็เล่นเอาคนดูน้ำตาคลอ บทยิ้มเธอก็หวาน จนกระชากใจหนุ่มๆ หล่นถึงตาตุ่ม จากที่คนไม่รู้จัก "ญาญ่า" สามารถสร้างความดังให้ตัวเอง เพียงชั่วข้ามคืน ก่อนจะมาสร้างชื่ออีกเรื่อง "ดวงใจอัคนี" คู่กับ "ณเดชน์ คูกิมิยะ" ประมาณว่าเรื่องนี้กอดคอกันเกิดทีเดียว

บทบาทในละครระหว่างเรื่อง "กุหลาบไร้หนาม" กับ "ดวงใจอัคนี" เป็นคนละซีน คนละอารมณ์ เรื่องหนึ่งเป็นนางเอกที่ต้องกินน้ำส้มทั้งเรื่อง อีกเรื่องเป็นสาวแก่นเซี้ยว แต่ "ญาญ่า" ก็ทําได้ดีเยี่ยม แม้จะมีข้อบกพร่องบ้าง แต่น้อยมาก ถ้าเทียบกับดาราที่แจ้งเกิดในรุ่นเดียวกัน

ล่าสุด "ตะวันเดือด" เป็นอีกบทหนึ่งที่โหดหินพอควรกับละครบู๊ ประเภทระเบิดภูเขา เผากระท่อม ซึ่งละครแนวนี้ต้องยกให้ "จารุณี สุขสวัสดิ์" ในยุคที่เธอเป็น "ราชินีจอเงิน" เพราะเล่นได้สมบุคลิก ถ้าหลับตาเทียบ "จารุณี" กับ "ญาญ่า" โดยที่ยังไม่เห็นผลงาน เชื่อว่าทุกคนคงหายใจไม่ทั่วท้อง เพราะละครบู๊ เป็นละครที่เล่นยากที่สุด เนื่องจากเป็นอะไรที่ไกลตัวจากชีวิตจริง ถ้าไม่เนียนจริง จะออกมาเหมือนยี่เก ดูเก้ๆ กังๆ ไม่ทะมัดทะแมง



"ตะวันเดือด" เป็นงานสร้างของ "นก-ฉัตรชัย" ซึ่งที่ผ่านมาไม่ค่อยจะประสบความสําเร็จกับการเป็นผู้จัดฯ ซะเท่าไหร่ "ดินน้ำลมไฟ" เขาบอกว่าได้กําไรแค่ 500 บาท ส่วน"มาเฟียที่รัก" เสมอทุน ดีที่ไม่ควักเนื้อ สะท้อนให้เห็นว่า "นก-ฉัตรชัย" ไม่ทําอะไรแบบสุกเอาเผากิน เขียมงบเพื่อที่จะได้เอาเข้ากระเป๋าตัวเองมากๆ ประสบการณ์ของ "นก-ฉัตรชัย" ในการเล่นหนัง-ละคร ไม่ต่ำกว่า 100 เรื่อง ย่อมมองออกว่า ดาราคนไหนที่จะเหมาะกับบท "เพชรรุ้ง"

เชื่อเถอะว่า ที่ "นก-ฉัตรชัย" เลือก "ญาญ่า" มารับบทนี้ ไม่ใช่เพราะความดัง นางเอกในช่อง 3 ที่ดังกว่า มีประสบการณ์  กว่า "ญาญ่า" มีแยะ แต่ทําไมเขาไม่เลือก? ที่เลือกก็ด้วยเหตุผลเดียว เหมือนอย่างที่ผมมอง...นั่นคือ "ญาญ่า" เป็นนักแสดงที่มีพัฒนาการ สามารถจะรับกับบทนี้ได้อย่างลงตัว ซึ่งก็เป็นแบบนั้นจริงๆ...แม้จะไม่มีประสบการณ์กับละครบู๊มาก่อน แต่เธอก็นิ่ง เป็นผู้ใหญ่ สมกับบทที่ได้รับ

จากดาราที่แจ้งเกิดด้วยภาพลักษณ์ความน่าสงสาร และ สาวแก่นห้าวในเรื่อง "ดวงใจอัคนี" แต่เมื่อเธอไม่เลือกงาน เหมือนอย่างที่ดาราหลายคนมักจะพูดว่า เลือกรับเฉพาะบทที่เหมาะกับตัวเอง ผิดกับ "ญาญ่า" ที่จะ "แสวงหาโอกาส" ให้ตัวเองเสมอๆ

ดาราใหม่ๆ ใช่ว่าจะด้อยประสบการณ์เสมอไป ถ้าหากรู้จักฉกฉวยโอกาส เหมือนอย่างที่ "ญาญ่า" เป็นอยู่ พัฒนาการก็จะตามมาเอง!!

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Gallery ที่เกี่ยวข้อง

Comments